บลจ.เกียรตินาคิน ออก 2 กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ผลตอบแทน 3.15-3.25%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 20, 2011 16:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เกียรตินาคิน เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ Rollover ระหว่างวันที่ 21-28 ตุลาคม 2554 ได้แก่ กองทุนเปิด เคเค สะสมทรัพย์คุ้มครองเงินต้น 3/2 (KK SP3/2) ระยะเวลาโครงการ 3 เดือน ผลตอบแทน 3.25%ต่อปี และกองทุนเปิด เคเค ตราสารหนี้ สะสมทรัพย์คุ้มครองเงินต้น 1 (KK SP1) ระยะเวลาโครงการ 1 เดือน ผลตอบแทน 3.15%ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งจำนวน จึงสามารถให้ความมั่นใจกับนักลงทุนในเรื่องการคุ้มครองเงินต้นได้อย่างแน่นอน

มุมมองการลงทุนในช่วงนี้ จากวิกฤตน้ำท่วมที่รุนแรงขึ้น และเริ่มไหลล้นเข้ากรุงเทพฯในขณะนี้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความแปรปรวนอยู่ตลอด ส่งผลให้ภาพรวมการลงทุนของประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดหุ้นมีการผันผวนค่อนข้างมาก โดยได้มีการปรับตัวลงมาทดสอบที่ 900 จุด นักลงทุนจึงควรต้องให้ความใส่ใจ และระมัดระวังการตัดสินใจลงทุนมากขึ้นในช่วงนี้

จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวัน 19 ต.ค. ที่ผ่านมา ที่ระบุว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/54 ยังขยายตัวได้ แต่เริ่มมีสัญญาณของการแผ่วลงของการส่งออก สอดคล้องกับเศรษฐกิจต่างประเทศที่อ่อนแอลง ขณะที่อุทกภัยที่เกิดขึ้นมีผลรุนแรงและทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางส่วนหยุดชะงัก จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ต่ำกว่าที่คาดไว้มาก

แต่การบูรณะซ่อมแซมความเสียหายจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ให้ทยอยกลับมาเติบโตได้ในระยะต่อไป โดยเริ่มมีการประเมินว่าผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมจะกระทบ GDP ปีนี้ให้ลดลงประมาณ 1% หรืออาจมากกว่านั้นหากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์น้ำท่วมที่ไหลเข้ากรุงเทพได้ ในขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ยังประเมินเป้าหมาย GDP ปี 55 ไว้ที่ 4.5% โดยน่าจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมในปีนี้

นอกจากนี้ จากการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.50% ในการประชุม กนง. ที่ผ่านมา เป็นการช่วยพยุงแรงกดดันด้านราคาสินค้า และช่วยเอื้อต่อการปรับตัวของเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นภาวะแห่งความผันผวนนี้ไปได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังอาจมีการปรับตัวลงต่อได้อีกเล็กน้อย

สำหรับตลาดตราสารหนี้ซึ่งได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจไปด้วยเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร อายุ 10 ปี ได้ลดลงจาก 3.9% ในช่วงปลายเดือนกันยายน เหลือเพียง 3.48%ในขณะนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอัตราผลตอบแทนในระยะยาวได้มีการปรับตัวลงค่อนข้างมาก ขณะที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นมีการปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย ดังนั้น การลงทุนในภาวะแห่งความผันผวนเช่นนี้ นักลงทุนอาจเลือกการลงทุนระยะสั้นๆ ที่มีระดับความเสี่ยงไม่สูงนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงทุนที่มีเงื่อนไขของการคุ้มครองเงินต้น เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในขณะที่วางใจกับความปลอดภัยของเงินต้นได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ