สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 74,946 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวันคือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 69,503 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 93% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 4,641 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 4 ปี 5 ปี และ 6 ปี ( LB15DA LB16NA และ LB17OA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,320 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 763 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นหุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY123A) หุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK12NA) และหุ้นกู้ของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTS138A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 347 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 21,482 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้ มีสถานะซื้อสุทธิ 3,841 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 3,503 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงประมาณ -2 ถึง -6 basis point ยกเว้นในตราสารระยะยาวอายุ 30 ปีขึ้นไปที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 - 5 basis point โดยวันนี้มีแรงซื้อเข้ามาในตราสารระยะปานกลางอายุ 1-3 ปี เป็นหลัก ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารแห้งประเทศไทยจะใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ลุกลาม ส่งผลกระทบถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยที่เสียหายมากขึ้น
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.43% ปรับตัวลดลง 0.02% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.28% ปรับตัวลดลง 0.03% จากวันทำการก่อนหน้า