นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากการที่ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของทั้งภาคการผลิตและภาคบริการในตลาดทุนบางแห่ง นั้น ก.ล.ต. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่เป็นระยะ เพื่อรับทราบระดับของผลกระทบ ดูแลหลักเกณฑ์การกำกับดูแลไม่ให้เป็นภาระหรืออุปสรรค รวมทั้งเตรียมมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจต่อไป โดย
บริษัทหลักทรัพย์ที่มีสาขาประสบปัญหาอุทกภัยและไม่สามารถเปิดให้บริการได้ สามารถปิดทำการสาขาเป็นการชั่วคราวโดยไม่ต้องแจ้งให้ ก.ล.ต. ทราบล่วงหน้า และจะต้องจัดช่องทางการให้บริการแก่ผู้ลงทุนไม่ให้ได้รับผลกระทบ เช่น ให้ส่งคำสั่งผ่านสำนักงานใหญ่
บริษัทจดทะเบียนและบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ที่มีหน้าที่ต้องส่งรายงานต่อ ก.ล.ต. เช่น งบการเงิน หากบริษัทได้รับผลกระทบจนไม่สามารถส่งรายงานได้ ก.ล.ต. จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวด้วยความผ่อนปรน และบริษัทจดทะเบียนอาจส่งรายงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงแห่งเดียว และส่งต้นฉบับให้ ก.ล.ต. ภายหลังได้
ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการกองทุน ที่อายุความเห็นชอบจะสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2554 ถึง 31 มีนาคม 2555 สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2555 และสามารถทยอยต่ออายุให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2555
"ก.ล.ต. รับทราบรายงานผลกระทบของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทหลักทรัพย์ด้วยความห่วงใยแม้ว่าจำนวนของบริษัทที่จะได้รับผลกระทบจะไม่ใช่ส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับจำนวนบริษัทและผู้ให้บริการทั้งหมด ขณะนี้การให้บริการของธุรกิจในตลาดทุนรวมถึงระบบการส่งมอบและชำระราคาหลักทรัพย์ทำงานได้เป็นปกติ" นายวรพล กล่าว
นอกจากนี้ ก.ล.ต. กำลังรวบรวมข้อมูลของบริษัทที่ได้รับความเสียหายในเหตุการณ์ครั้งนี้เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดย ก.ล.ต. ได้ประสานงานใกล้ชิดกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น กำหนดวิธีการทำงานในกรณีที่อาจมีเหตุฉุกเฉิน และเตรียมพร้อมแผนสำรองต่างๆ เพื่อให้การซื้อขายหลักทรัพย์สามารถดำเนินต่อไปได้ตามปกติ