โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"CPALLปิดสาขาน้ำท่วมกระทบสั้น ร้านที่เปิดขายดิบขายดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 27, 2011 10:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ยังคงเห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซีพี ออลล์(CPALL)แม้บางสาขาต้องปิดจากผลกระทบน้ำท่วม ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผลประกอบการงวดไตรมาส 4/54 แต่เป็นเพียงช่วงสั้นเท่านั้น และอาจได้รับการชดเชยจากยอดขายที่ดีมากจากสาขาที่เปิดให้บริการตามปกติ

นอกจากนี้ หากมองแนวโน้มการเติบโตระยะยาวของ CPALL ในระยะ 5-10 ปียังเป็นบวก จากการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายของ CPALL ในปี 2556 จะมีสาขารวมแตะระดับ 7,000 สาขา ซึ่ง ณ วันนี้ CPALL ก็มีสาขาโดยรวมแล้ว 6,200 สาขา

CPALL ยังจะได้รับผลดีจากมาตรการของภาครัฐฯที่ขึ้นค่าแรง 300 บาทในบางจังหวัด และที่เหลือก็ยังมีการปรับค่าแรงขึ้น 40% ตรงนี้จะช่วยทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น อีกทั้งฐานะทางการเงินของ CPALL ก็แข็งแกร่งมาก ไม่มีหนี้เลย รวมทั้งสามารถสร้าง ROE ได้ในอัตราที่สูงกว่า 40% ต่อปี

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้(2554)ไว้ในช่วง 7,882-8,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน(2553)ที่มีกำไรสุทธิ 6,663 ล้านบาท ส่วนปีหน้า(2555)คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 12% มาอยู่ที่ 8,788-9,200 ล้านบาท

          โบรกเกอร์                คำแนะนำ               ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.ไทยพาณิชย์              ซื้อ                       60.00
          บล.เคทีบี(ประเทศไทย)       ซื้อ                       58.50
          บล.ธนชาต                 ซื้อ                       57.00
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส         ซื้อ                       56.00
          บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)      ซื้อ                       56.00
          บล.เคที ซีมิโก้              ซื้อ                       55.00
          บล.ทิสโก้                  ซื้อ                       54.00
          บล.กสิกรไทย               ซื้อ                       49.22

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้ว่า CPALL จะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมบ้าง แต่ด้วยความที่มีสาขาจำนวนมาก ทำให้เปอร์เซนต์ที่โดนผลกระทบจึงไม่ร้ายแรง และยอดขายของบางสาขาที่ยังเปิดอยู่ก็ดีมาก รวมทั้ง CPALL ก็ยังมีเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องด้วย

นอกจากนี้ CPALL น่าจะได้รับผลดีจากมาตรการของภาครัฐฯที่ขึ้นค่าแรง 300 บาทในบางจังหวัด และที่เหลือก็ยังมีการปรับค่าแรงขึ้น 40% ตรงนี้จะช่วยทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น อีกทั้งฐานะทางการเงินของ CPALL ก็ดีมาก ๆ ไม่มีหนี้เลย

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 8,000 ล้านบาท เติบโต 18% จากปีก่อน ส่วนปี 55 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 12% มาอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่า CPALL ยังมีการเติบโตที่ดีอยู่

ด้านนายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า มองแนวโน้มการเติบโตระยะยาวของ CPALL ในระยะ 5-10 ปียังเป็นบวก จากการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายของ CPALL ในปี 2556 จะมีสาขารวมแตะระดับ 7,000 สาขา ซึ่ง ณ วันนี้ CPALL ก็มีสาขาโดยรวมแล้ว 6,200 สาขา

นอกจากนี้ CPALL ยังสร้างยอดขายต่อสาขาที่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากที่ CPALL ได้ทำร้านสะดวกซื้อที่เน้นอาหารเป็นหลัก และ CPALL ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมาก ไม่มีหนี้สินเลย ซึ่งบริษัทฯแบบนี้หาได้ยากในตลาดฯ รวมทั้ง CPALL ยังสามารถสร้าง ROE ได้ในอัตราที่สูงกว่า 40% ต่อปี

สำหรับผลกระทบที่เกิดจากภาวะน้ำท่วม แม้จะทำให้ต้องมีการปิดในบางสาขา แต่สาขาที่เปิดอยู่ที่มีจำนวนมากกว่าที่ปิดไป และสาขาที่เปิดอยู่ก็มียอดขายที่ดีมาก ดังนั้น CPALL จึงน่าจะรับผลประโยชน์จากภาวะน้ำท่วมมากกว่า

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ของ CPALL ไว้ที่ 7,882 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีกำไรสุทธิ 6,663 ล้านบาท ส่วนปี 55 คาดกำไรสุทธิ 8,788 ล้านบาท

ส่วน น.ส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น CPALL ว่า ปัจจัยพื้นฐานโดยรวมของ CPALL ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่ โดยผลประกอบการปี 54 มองว่ากำไรยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 4/54 อาจได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม แต่เชื่อว่าเป็นผลกระทบแค่ช่วงสั้นเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็ยังประเมินได้ลำบาก จึงต้องรอดูต่อไปว่าน้ำท่วมเมื่อไรจะจบ แต่ตอนนี้เท่าที่ดู CPALL ก็ไม่ได้รับผลกระทบมากแม้บางสาขาจะปิดไปเพราะเจอน้ำท่วม แต่สาขาอื่นที่ยังเปิดอยู่ก็ขายดี แต่ตอนนี้ก็มีปัญหาที่การขนส่งมากกว่า

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิ 54 ไว้ที่ 7,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 6,663 ล้านบาท ส่วนปี 55 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 9,200 ล้านบาท

สำหรับ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมของ CPALL จะเกิดในระยะสั้นในช่วง 4Q54 และผลประกอบการจะถูกชดเชยได้จากการที่ผู้บริโภคกักตุนสินค้าจำพวกอาหารที่เก็บได้ จึงยังคงแนะนำให้ "ซื้อ"โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 54 บาท(DCF)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ