TIPCO รอประเมินสิ้น ต.ค.ก่อนกลับมาผลิต รง.วังน้อย,คงเป้ารายได้ปี 54

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 27, 2011 12:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทิปโก้ฟู้ดส์(ประเทศไทย)(TIPCO)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทจะมีการประเมินสถานการณ์ในช่วงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ หลังหยุดเดินเครื่องผลิตโรงงานเครื่องดื่มที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาชั่วคราวตั้งแต่สัปดาห์ก่อน โดยหากมีความพร้อมครบทุกด้านก็จะกลับมาเปิดเดินเครื่อง ทั้งเรื่องแรงงาน ระบบไฟฟ้า สาธารณูปโภค และที่สำคัญคือ บรรจุภัณฑ์ ทั้งขวด เม็ดพลาสติก กล่องกระดาษ ที่ก่อนนี้มีปัญหาการขนส่งมายังโรงงาน

สำหรับตัวโรงงานดังกล่าวและเครื่องจักรไม่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วม เพราะที่ตั้งอยู่ค่อนไปทาง อ.หนองแค จ.สระบุรี แต่มีปัญหาเรื่องการขนส่งสินค้า และการเดินทางของคนงานได้รับความลำบาก

นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจเครื่องดื่มของบริษัทไม่ได้มีปัญหาเรื่องวัตถุดิบและสต็อกสินค้ายังมีเพียงพอแม้จะต้องหยุดผลิตไปชั่วคราว โดยวัตถุดิบที่เป็นผลไม้มีสต็อกอยู่ในห้องเย็น แต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่การขนส่งและการกระจายสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากท่วมเส้นทาง รวมทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ๆ ไม่สามารถรับสินค้าได้ และร้านค้าส่วนใหญ่ในพื้นที่น้ำท่วมก็ปิด ทำให้สินค้าขาดตลาด

"เหตุการณ์น้ำท่วมที่เข้ามาในกทม.รอบนี้ทำให้เกิด panic ตอนนี้มีปัญหาเรื่องขนของไม่ได้เกือบทั่วประเทศ เพราะกระจายสินค้าไปเหนือ อีสาน และกทม.มีปัญหา"นายวิวัฒน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม โรงงานผลิตน้ำดื่ม"ออร่า"ที่ จ.เชียงใหม่ ยังสามารถผลิตได้ปกติ 24 ชม.รวมทั้งธุรกิจส่งออกสับปะรดกระป๋อง ที่มีโรงงานอยู่ที่จ.ประจวบฯ ก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ โดยยังสามารถทำรายได้ในสัดส่วนคิดเป็น 50% ของรายได้รวม และธุรกิจยังไปได้ดีมากในปีนี้ทั้งการส่งออกและปริมาณวัตถุดิบก็มีเพียงพอ

ดังนั้น ถึงแม้จะหยุดโรงงานผลิตเครื่องดื่มชั่วคราว ก็ยังไม่จำเป็นต้องประมาณการรายได้ในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 10% กว่าจากปีก่อนรายได้รวมที่กว่า 5.1 พันล้านบาท และเชื่อว่ากำไรสุทธิจะดีกว่าปีก่อนเช่นกัน รวมทั้งแผน 5 ปีที่ตั้งเป้ารายได้แตะ 10,000 ล้านบาทก็ยังคงไว้ โดยจะเน้นไปที่ธุรกิจเครื่องดื่มทั้งขายในประเทศและส่งออกไปอาเซียน

"เป้าปีนี้ยังไม่อยากประเมินใหม่ ถึงแม้หยุดผลิตเครื่องดื่มก็แค่ช่วงสั้น แต่เรายังผลิตน้ำดื่มออร่าได้ และอีกครึ่งหนึ่งมีธุรกิจอยู่ที่ จ.ประจวบฯ คือส่งออกสัปปะรดปีนี้ไปได้ดีมาก โดยประมาณการเดิมตั้งเป้ารายได้รวมโต 10% กว่า ก็ยังคงเป้า ส่วนกำไรสุทธิก็น่าจะดีกว่าปีก่อนเช่นกัน"นายวิวัฒน์ กล่าว

ส่วนสถานการณ์ในปี 55 ยอมรับว่ายังคาดการณ์ได้ยาก เพราะปัจจัยภายนอกมีมาก ยิ่งขณะนี้มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นหลายพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศ แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น น้ำท่วมในจีน ปัญหาเศรษฐกิจเรื่องหนี้เสียยุโรป ปัจจัยเหล่านี้คงจะกระทบกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ขอองโลก จากปีนี้คาดว่าจีดีพีโลกจะโต 3% แต่ปีหน้าโดยส่วนตัวคาดว่าอาจจะติดลบ เพราะกำลังซื้อในประเทศใหญ่ๆ ลดลง ปัญหาภัยธรรมชาติจะบั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจให้เติบโตแบบจำกัด

ขณะที่การลงทุนใหม่ในปีหน้า คงมีไม่มาก เพราะบริษัทยังมีกำลังการผลิตเพียงพอ และจากสถานการณ์โลกผันผวนเช่นนี้ถ้าทำอะไรผิดจังหวะก็จะไม่เป็นผลดี จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ