ตลาดหุ้นยุโรปปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) หลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป (อียู) ที่ลงมติใช้มาตรการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะ
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น ปิดที่ 249.42 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดพุ่งขึ้น 321.77 จุด หรือ 5.35% แตะ 6,337.84 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,196.60-6,347.60 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดพุ่งขึ้น 199.00 จุด หรือ 6.28% แตะที่ 3,368.62 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,243.79-3,372.54 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นหลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูมีมติให้ใช้มาตรการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะไม่ให้ลุกลามไปยังประเทศอื่นๆที่มีความสำคัญในเชิงระบบของยูโรโซน เช่นอิตาลี โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการเพิ่มขนาดให้กับกองทุน EFSF เป็น 1 ล้านล้านยูโร (1.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) และปรับลดมูลค่าพันธบัตร หรือการทำ haircut ของรัฐบาลกรีซซึ่งถือครองโดยธนาคารเอกชนลงในสัดส่วน 50%
ทั้งนี้ แม้มาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้จนกว่าจะถึงเดือนธ.ค. แต่นักลงทุนตอบรับผลการประชุมสุดยอดผู้นำอียูอย่างคับคั่ง เนื่องจากการเห็นพ้องต้องกันของ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนสะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำยูโรโซนมีความกระตือรือร้นที่จะแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะเพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวลุกลามออกไป
ข่าวความเคลื่อนไหวในด้านบวกของยูโรโซนช่วยหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 17% หุ้นดอยช์ แบงก์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 15% หุ้นธนาคารโซซิเอเต เจเนอรัล ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 23%
ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอน ซึ่งรวมถึงโลหะทองแดงและดีบุก โดยหุ้นคาซัคมิสพุ่งขึ้น 9.4% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 7.1% หุ้นเอ็กสตราต้าพุ่งขึ้น 11% และหุ้นอันโตฟากัสต้าพุ่งขึ้น 7.2%
หุ้นมิเชลิน ผู้ผลิตยางรายใหญ่อันดับสองของโลก พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสามเพิ่มขึ้น 11% สู่ระดับ 5.14 พันล้านดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งในยุโรปและสหรัฐ