ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 225,677 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 31, 2011 16:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (25-28 ตุลาคม 2554) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 225,677 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 56,419 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 6% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 93% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 209,637 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 13,069 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,264 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือ รุ่น LB21DA (อายุ 10.2 ปี), LB15DA (อายุ 4.1 ปี) และ LB17OA (อายุ 6 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 2,622 ล้านบาท 2,605 ล้านบาท และ 1,915 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB11N14A (อายุ 14 วัน), CB11N15A (อายุ 14 วัน) และ CB11N08A (อายุ 14 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 50,609 ล้านบาท 35,393 ล้านบาท และ 18,382 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกนั้น ได้แก่หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY123A (AA-)) มูลค่าการซื้อขาย 225 ล้านบาท หุ้นกู้ของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK12NA (A-)) มูลค่าการซื้อขาย 80 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH144A (A-)) มูลค่าการซื้อขาย 80 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยตลอดทั้งเส้น หรือปรับตัวลดลงในช่วง -1 ถึง -10 Basis point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ทั้งนี้ภาพรวมของการซื้อขายตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังถือว่าค่อนข้างเงียบต่อเนื่องมาจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยมีผลจากปัจจัยเรื่องน้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานครอยู่ในขณะนี้ ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าในที่สุดแล้วรัฐบาลจะต้องใช้ระยะเวลาบวกกับงบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวหลังจากที่ปริมาณน้ำเริ่มลดลง ปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลทำให้มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างซบเซา โดยนักลงทุนต่างพากันชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป นอกจากนี้แล้วนักลงทุนในตลาดต่างพากันคาดการณ์ว่า กนง. น่าจะทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมครั้งหน้า (30 พ.ย. 54) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาน้ำท่วมและจากปัญหาการซบเซาของเศรษฐกิจโลก การคาดการณ์ดังกล่าวมีผลทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้นตามไปด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ทางด้านนักลงทุนต่างชาติ มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,089 ล้านบาท ทั้งนี้มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่ของนักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงเน้นไปในตราสารระยะสั้น (มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) เป็นหลัก และสำหรับนักลงทุนรายย่อย ที่ถึงแม้จะมีสัดส่วนของการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมียอดซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 3,249 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ