สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 29,104 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 23,631 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 81% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 4,734 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 4 ปี 6 ปี และ10 ปี(LB15DA LB17OA และ LB21DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,479 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 161 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC153A) หุ้นกู้ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP142A) และหุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT155A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 161 ล้านบาท หรือคิดเป็น 100% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 3,375 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 2,304 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 1,021 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงประมาณ -1 ถึง -5 basis point ยกเว้นในตราสารอายุ 10 — 20 ปี ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 1 — 2 basis point โดยในวันนี้ตลาดตราสารหนี้ยังคงค่อนข้างเงียบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงชะลอการซื้อขาย เพื่อรอดูการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของเดือนตุลาคม แต่ในวันนี้เริ่มมีแรงขายตราสารอายุ 7 — 10 ปี ออกมาก่อนที่จะมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB193A ในวันพุธนี้
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.42% ปรับตัวลดลง 0.01% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.23% ปรับตัวลดลง 0.01% จากวันทำการก่อนหน้า