สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 98,931 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 95,343 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 96% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 2,471 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 3 ปี และ6 ปี (LB133A LB145B และ LB17OA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,372 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,117 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY123A) และหุ้นกู้อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL18OB, IVL21OB) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 603 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 30,833 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 12,890 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 5,000 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีกเล็กน้อยตลอดทุกช่วงอายุของตราสาร หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงประมาณ -1 ถึง -3 basis point โดยในวันนี้ข่าวการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนตุลาคม เท่ากับ 113.07 สูงขึ้นจากเดือนกันยายน 2554 ร้อยละ 0.19 และสูงกว่าเดือนตุลาคม 2553 ร้อยละ 4.19 ซึ่งเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมได้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าบางประเภท ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.39% ปรับตัวลดลง 0.03% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.21% ปรับตัวลดลง 0.02% จากวันก่อนหน้า