ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลกรีซจะจัดทำประชามติเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนตัดสินใจว่าจะยอมรับข้อตกลงการกู้วิกฤตหนี้ของประเทศหรือไม่ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาหนี้กรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนต.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 297.05 จุด หรือ 2.48% ปิดที่ 11,657.96 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 35.02 จุด หรือ 2.79% ปิดที่ 1,218.28 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 77.45 จุด หรือ 2.89% ปิดที่ 2,606.96 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากนายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซประกาศว่า รัฐบาลกรีซจะจัดการทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนตัดสินใจว่าจะยอมรับข้อตกลงในมาตรการแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซนที่กรีซทำกับกลุ่มประเทศและองค์กรเจ้าหนี้ในสัปดาห์ที่แล้วหรือไม่ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมถึงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบ 2 สำหรับกรีซในวงเงิน 1.30 แสนล้านยูโร และการปรับลดมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลกรีซลง 50 % เพื่อที่กรีซจะมีความสามารถในการชำระหนี้ได้มากขึ้น
การจัดการลงประชามติได้สร้างความวิตกกังวลให้กับตลาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากผลสำรวจความเห็นครั้งล่าสุดระบุว่า ชาวกรีซเกือบ 60% มีความเห็นคัดค้าน หรืออาจคัดค้านต่อข้อตกลงในการประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรป (อียู) ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์บางกลุ่มมองว่า หากผลการลงประชามติออกมาว่าประชาชนชาวกรีซไม่ยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดและมาตรการกู้วิกฤหนี้กรีซ ก็อาจทำให้กรีซเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.ขยายตัวที่ระดับ 50.8 จุด แต่ชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่สามารถขยายตัว 51.6 จุด
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงหลังจากเอ็มเอฟ โกลบอล โฮลดิ้งส์ บริษัทโบรกเกอร์สัญญาล่วงหน้ารายใหญ่ของสหรัฐ ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายตามกฎหมายมาตรา 11 แห่งราชอาณาจักรสหรัฐ เนื่องจากบริษัทขาดทุนจำนวนมากจากการลงทุนในตราสารหนี้ในยุโรป โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริการ่วงลง 6.3% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 5.9% และหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 7.7%
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ร่วงลง 9.8% หลังจากจีเอ็มเปิดเผยยอดขายที่น้อยเกินคาด
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ADP Employer Services เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนต.ค. วันพฤหัสบดี ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 3, กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ย. และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนต.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.