ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลกรีซจะจัดทำประชามติเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนตัดสินใจว่าจะยอมรับข้อตกลงการกู้วิกฤตหนี้ของประเทศหรือไม่ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่ากรีซอาจจะไม่สามารถรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 122.65 จุด ปิดที่ 5421.57 จุด
นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซประกาศว่า รัฐบาลกรีซจะจัดการทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนตัดสินใจว่าจะยอมรับข้อตกลงในมาตรการแก้ไขวิกฤติหนี้หรือไม่ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด และเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ผู้นำยุโรปได้ทำข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้กรีซและยูโรโซน ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมถึงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบ 2 สำหรับกรีซในวงเงิน 1.30 แสนล้านยูโร และการปรับลดมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลกรีซลง 50%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสมาพันธ์โลจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติของจีน (CFLP) ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ขยายตัวที่ระดับ 50.4 จุดในเดือนต.ค. ลดลง 0.8 จุดจากเดือนก.ย.ที่ขยายตัว 51.2 จุด โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนชะลอตัวลงหลังจากที่ขยายตัวติดต่อกันมา 2 เดือน
หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับสองของอังกฤษ ดิ่งลง 9.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.เป็นต้นมา ขณะที่หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ดิ่งลง 8.1% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงจากรายงานภาคการผลิตของจีนที่ชะลอตัวลง โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.7% หุ้นริโอทินโตร่วงลง 3.9% หุ้นอันโตฟากัสต้าร่วงลง 4.5%