รมว.คลัง เผย ธปท.เปิดทางโบรกฯทำ FX,คาดเทรดฟิวเจอร์สดอลลาร์/บาทปี 55

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 2, 2011 14:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ว่า ธปท.เห็นด้วยกับการอนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์ดำเนินธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศในลักษณะ Whole sale โดยระยะแรกจะให้เน้นบริการลูกค้าต่างประเทศสามารถุหักกลบลบหนี้ทางบัญชีได้ทันที และได้มอบหมายให้พิจารณาเพิ่มเติมในการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน Whole sale ที่กว้างขวางซับซ้อนขึ้น โดย ธปท.ขอเวลาศึกษาภายในกลางปี 55

นอกจากนี้ ได้เร่งให้มีการทำสัญญาล่วงหน้าอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์/บาทเข้าซื้อขายในตลาดอนุพันธ์โดยเร็ว เพื่อให้ บล.เป็นนายหน้าซื้อขายอนุพันธ์ดังกล่าวได้ทันที และให้ประสานงานกับกระทรวงการคลังเพื่อกำหนดกฎระเบียบ โดยคาดว่าตลาดอนุพันธ์ซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์/บาทจะเริ่มซื้อขายได้ภายในครึ่งแรกปี 55

"ในระยะยาวหวังให้บริษัทหลักทรัพย์ไทย ทำธุรกิจได้กว้างขวางเหมือนกับ Investment bank ในต่างประเทศ เช่น เจพีมอร์แกน" นายธีระชัย กล่าว

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ ธปท.ทบทวนหลักเกณฑ์การให้เวลาธนาคารต่างประเทศได้ปรับตัวในการเปิดสาขา หรือสำนักงานในประเทศไทย เพื่อเร่งให้มีการการแข่งขันเสรีธนาคารพาณิชย์ได้เร็วขึ้น หลังจาก ธปท.ยืนยันว่าธนาคารพาณิชย์ไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมเปิดรับการแข่งขันจากธนาคารต่างประเทศได้ ทั้งนี้เพื่อให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายแคบลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

"แบงก์ชาติให้ข้อมูลว่าในแง่แบงก์พาณิชย์ไทยไม่น่าห่วง หากมีคู่แข่งต่างประเทศ แต่ได้มีการตกลงกันไว้ในอดีตที่จะให้เวลาแบงก์ต่างประเทศปรับตัวในการเข้ามาในไทย การดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามขั้นตอนเวลา ซึ่งผมไม่เห็นด้วยได้ขอให้ ธปท.ทบทวนเรื่องนี้ ซึ่งสามารถเร่งรัดดำเนินการได้ โดยทบทวนร่วมกับ สศค."นายธีระชัย กล่าว

ส่วนข้อเสนอที่ให้ ธปท.จัดทำงบดุล หากกระทรวงการคลังจะโอนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 1.1 ล้านล้านบาทคืนให้เป็นภาระของ ธปท.ได้มีการรายงานพบว่า หากมีการโอนหนี้เงินต้นคืนในระยะ 5 ปีข้างหน้า ธปท.จะมีฐานะเงินทุนติดลบ 1.5 ล้านล้านบาท ขณะที่หากไม่มีการโอนหนี้เงินต้น 5 ปีข้างหน้า ธปท.จะมีเงินทุนติดลบ 689,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงมอบหมายให้ ธปท.ศึกษาใหม่ว่าหากจะให้ ธปท.รับภาระจ่ายดอกเบี้ยกองทุนฟื้นฟูฯ และ กระทรวงการคลังรับภาระหนี้เงินต้นจะกระทบฐานะเงินทุน ธปท.มากน้อยอย่างไร

"แบงก์ชาติไม่ได้บอกว่าในปี 5 ข้างหน้า เงินทุนติดลบ 6 แสนล้านบาท เพราะอะไร เราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ มองว่าในหลายประเทศ ธนาคารกลางก็มีเงินทุนติดลบ แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของคู่ค้ามากกว่า...การที่คลังไม่รับภาระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เพราะเป็นคลังมีภาระงบประมาณมากอยู่แล้ว ก็ธปท.ก็ออกมาเตือนโดยตลอด"นายธีระชัย กล่าว

ทั้งนี้ ยังได้ให้ ธปท.หารือคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ธปท.กรณีที่จะให้ ธปท.รับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน จากการที่ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(เจบิค)จะให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ธนาคารพาณิชย์ไทย เพื่อนำมาปล่อยสินเชื่อฟื้นฟูภาคธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จำนวน 50,000 ล้านบาท ซึ่งบางส่วนต้องการใช้เงินกู้เป็นเงินบาท ทำให้ต้องมีการ swap ซึ่งจะมีค่าใช้จ่าย 3% หรือเป็นเงิน 1,500 ล้านบาท/ปี ธปท.สามารถรับความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้มากน้อยอย่างไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ