ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานของ ADP Employer Services ที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค. และหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวได้ดีในไตรมาส 3
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.9% ปิดที่ 237.22 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 131.12 จุด หรือ 2.25% ปิดที่ 5,965.63 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,810.79-5,990.56 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 42.26 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 3,110.59 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,049.70-3,134.83 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น 62.53 จุด หรือ 1.15% ปิดที่ 5,484.10 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,383.37-5,493.29 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจาก ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. เพราะได้แรงหนุนจากภาคบริการที่มีการจ้างงานสูงขึ้นถึง 114,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่เฟดระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในไตรมาส 3 พร้อมยืนยันว่า เฟดเฟดพร้อมที่จะใช้เครื่องมือต่างๆเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อ
หุ้นแรนโกลด์ รีซอสเซส ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทองคำ พุ่งขึ้น 7.7% สู่ระดับ 7,235 เพนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2540 หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลผลิตทองคำในปีหน้าขึ้น 22% สู่ระดับ 850,000-900,000 ออนซ์
หุ้นโฟล์คสวาเก้น เอจี พุ่งขึ้น 6% หลังจากนายคาร์ล โธมัส นูมานน์ ผู้บริหารโฟล์คสวาเก้นในประเทศจีนคาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์นั่งโดยสารของจีนจะขยายตัวราว 8%
หุ้นลันดิน ปิโตรเลียม เอบี ซึ่งเป็นผู้ผลิตและสำรวจน้ำมันของยุโรป พุ่งขึ้น 6.5% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตในปี 2555 และเปิดเผยกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ประจำไตรมาส 3 ที่ระดับ 262 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 223 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นลอจิกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์ ดิ่งลง 7.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไตรมาส 3 ที่น้อยเกินคาด และยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ด้วย