โบรกฯเห็นพ้องแนะ"ซื้อ"DCC เป็น Growth Stock,เชื่อยอดขายพุ่งหลังน้ำลด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 3, 2011 10:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไดนาสตี้เซรามิค(DCC)เป็นหุ้น Growth Stock และมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี อีกทั้งเตรียมรับประโยชน์จากยอดขายที่สูงขึ้นภายหลังจากน้ำท่วมคลี่คลายลงจากที่คนจะต้องซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัย ดังนั้น ความต้องการกระเบื้องปูพื้นและกระเบื้องปูผนังจะมีมากขึ้น ซึ่ง DCC ถือว่ามีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกระเบื้องและมีฐานลูกค้าต่างหวัดเป็นหลัก

DCC ยังมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งที่ผ่านมาในแต่ละปีก็มียอดขายและกำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และยังสามารถควบคุม Cost ได้ดีมาก นอกจากนี้ ยังเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลดีด้วย โดยมีการจ่ายทุกไตรมาส คิดอัตราการจ่ายเงินปันผล(Divident Yield)ประมาณ 5-7%

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ในช่วง 1,270-1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1,175 ล้านบาท ส่วนปี 55 กำไรสุทธิก็คาดว่าจะมี 1,461-1,550 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯก็ยังจะได้รับประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลมาเหลือ 23% จากเดิม 30% ด้วย

อย่างไรก็ดี ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/54 คาดว่าจะออกมาไม่ดีจากยอดขายที่ชะลอตัวจากปัญหาในเรื่องการขนส่งช่วงน้ำท่วม ซึ่ง DCC ก็คงจะได้รับผลกระทบเหมือนรายอื่น

          โบรกเกอร์                คำแนะนำ               ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ธนชาต                 ซื้อ                       68.00
          บล.พัฒนสิน                 ซื้อ                       66.00
          บล.ฟินันเซีย ไซรัส           ซื้อ                       65.00
          บล.บัวหลวง                ซื้อเก็งกำไร                62.00
          บล.เอเชีย พลัส             ซื้อ                       61.50
          บล.ทรีนีตี้                  ซื้อ                       60.00
          บล.ไทยพาณิชย์              ซื้อ                       60.00

นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส มองว่า DCC จะได้รับประโยชน์ภายหลังจากน้ำท่วมได้คลี่คลายลงคนจะต้องหันมาซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัย ดังนั้น ความต้องการใช้กระเบื้องปูพื้นและกระเบื้องปูผนังจะมีมากขึ้น ซึ่ง DCC ถือว่ามีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีอยู่ 4 บริษัท คือ DCC, UMI, TGCI และ RCI และ DCC ก็มีฐานลูกค้าต่างหวัดเป็นหลัก

ทั้งนี้ มอง DCC เป็นหุ้น Growth Stock และเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เนื่องจาก DCC จะมีการเปิดเตาเผา และขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งที่ผ่านในแต่ละปีก็มียอดขาย และกำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลดีด้วย โดยมีการจ่ายทุกไตรมาส คิดอัตราการจ่ายเงินปันผล(Divident Yield)ประมาณ 6-7%

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 1,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1,175 ล้านบาท ส่วนปีหน้ากำไรสุทธิก็คาดว่าจะมี 1,500 ล้านบาท ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯก็จะได้รับประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลมาเหลือ 23% จากเดิม 30% ด้วย

ขณะที่นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ผลประกอบการของ DCC จะมีการเติบโตดีในปีหน้าจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น แต่ละปีจะมีการขยายสาขาเพิ่มประมาณ 10 สาขา และยังมีการเพิ่มกำลังการผลิตด้วย อีกทั้งยอดขายในต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้นได้ดีจากที่จะมีการซ่อมแซมบ้านภายหลังจากภาวะน้ำท่วมคลี่คลายลง

ทั้งนี้ ในปีหน้าผู้บริหารของ DCC ได้คาดการณ์ว่ายอดขายจะเติบโต 10% ขณะที่ฝ่ายวิจัยได้คาดการณ์กำไรสุทธิในปีหน้าจะเติบโตประมาณ 12% โดยจะมีกำไรสุทธิประมาณ 1,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 23 ที่มีกำไรสุทธิ 1,176 ล้านบาท

นอกจากนี้ DCC ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง และมีการจ่ายสม่ำเสมอทุกไตรมาสด้วย โดยคาดว่าปีนี้(2554)จะจ่ายเงินปันผล 3.20 บาท หรือคิดอัตราการจ่ายเงินปันผล(Divident Yield)ประมาณ 6%

ส่วนผลประกอบการงวดไตรมาส 4/54 คาดว่าจะออกมาไม่ดีจากยอดขายที่น่าจะชะลอตัว อันเนื่องมาจากติดปัญหาในเรื่องการขนส่ง ซึ่ง DCC ก็คงจะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมเหมือนคนอื่น ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ภาวะน้ำท่วมทำให้อาจจะต้องมีการทบทวนประมาณการยอดขายและกำไรของ DCC อีกครั้งในอนาคต

น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า โดยปกติ DCC จะมียอดขายที่ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีเรื่องภาวะน้ำท่วมทำให้ยอดขายของ DCC น่าจะดีขึ้นไปอีก เนื่องจากจับลูกค้าระดับกลาง-ล่างและมีศูนย์การกระจายสินค้าอยู่ทั่วทุกจังหวัดของประเทศ

อีกทั้ง DCC มีการควบคุม Cost ที่ถือว่าทำได้ดีมาก และยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงดีด้วย โดยมีอัตราการจ่ายเงินปันผล(Divident Yield)ปีละ 5-6%

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 1,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปี 53 ส่วนปี 55 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ