ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์พุ่ง 208.43 จุดหลังอีซีบีลดดบ.,กรีซถอนแผนประชามติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 4, 2011 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่านายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซได้ตัดสินใจถอนข้อเสนอการทำประชามติเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้ยูโรโซน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 208.43 จุด หรือ 1.76% ปิดที่ 12,044.47 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 23.25 จุด หรือ 1.88% ปิดที่ 1,261.15 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 57.99 จุด หรือ 2.20% ปิดที่ 2,697.97 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีปาปันเดรอูของกรีซได้ตัดสินใจถอนข้อเสนอเรื่องการทำประชามติ หลังจากที่หลายฝ่ายมองว่าการทำประชามติดังกล่าวอาจจะส่งผลประทบที่รุนแรงต่อข้อตกลงของผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินของกรีซ และข้อตกลงการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ภาคธนาคารของยุโรป

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากอีซีบีได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.25% ในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นในช่วงค่ำวานนี้ (3 พ.ย.) ตามเวลาประเทศไทย เนื่องจากอีซีบีให้น้ำหนักกับปัจจัยด้านวิกฤตหนี้ในยูโรโซน มากกว่าปัจจัยด้านเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกัน อีซีบียังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงเหลือ 0.5% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงมาอยู่ที่ระดับ 2.0%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือจากข่าวการถอนแผนการทำประชามติของกรีซและการลดอัตราดอกเบี้ยของอีซีบีแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนมากขึ้นเมื่อกระทรวงแรงงานของสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 397,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์

การปรับตัวลดลงของจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะซบเซาในตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกอยู่ก่อนแล้ว จากรายงานของ ADP Employer Services ที่ระบุว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 101,000 ตำแหน่ง

หุ้นของบริษัทที่มีการเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ทะยานขึ้นแข็งแกร่งเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นเอสเต้ ลอเดอร์ พุ่งขึ้น 18% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนี S&P 500 หลังบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้น 46% ในไตรมาส 3 อันเนื่องมาจากยอดขายเครื่องสำอางค์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

ขณะที่หุ้นคราฟท์ ฟู๊ดส์ อิงค์ ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร Nabisco และ Maxwell House พุ่งขึ้น 33% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้น 22% ในไตรมาส 3 นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2554 ด้วย

หุ้นควอลคอม อิงค์ ผู้ผลิตชิพสำหรับโทรศัพท์มือถือ ดีดตัวขึ้น 7.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 3 เพราะได้แรงหนุนจากความต้องการสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม หุ้นเคลล็อกก์ ผู้ผลิตซีเรียลชื่อดังระดับโลก ร่วงลง 7.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ต่ำเกินคาด อันเนื่องมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในเวลา 19.30 วันนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้นราว 95,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 9.1% ในเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ