ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ หลังจากมีรายงานว่านายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซได้ตัดสินใจชะลอการทำประชามติเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซ หลังจากมีความขัดแย้งกันอย่างมากในรัฐสภากรีซ
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 61.54 จุด แตะที่ 5545.64 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขึ้นขานรับข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีปาปันเดรอูของกรีซได้ตัดสินใจชะลอข้อเสนอเรื่องการทำประชามติ หลังจากเป็นที่เกรงกันว่าการทำประชามติอาจจะส่งผลประทบต่อข้อตกลงการให้ความช่วยเหลือกรีซของผู้นำสหภาพยุโรป (อียู)
หุ้นแมน กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 4.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และยังได้ประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ภายในปลายปีนี้ด้วย
หุ้นยูนิลิเวอร์พุ่งขึ้น 2% แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ลดลงเนื่องจากต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นบีที กรุ๊ป ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตรายใหญ่ของอังกฤษ ดีดตัวขึ้น หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด อันเป็นผลมาจากลูกค้าให้การตอบรับบริการบรอดแบนด์
หุ้นเทท แอนด์ ไลล์ ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลเทียม "Splenda" พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้น 19% สู่ระดับ 194 ล้านปอนด์ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 188 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) ประมาณการว่า มีโอกาสเกือบ 50% ที่เศรษฐกิจของอังกฤษจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง และหากว่าเจ้าหน้าที่ผู้กำหนดนโยบายของยูโรโซนสามารถหาทางออกได้เพียงบางส่วน โอกาสที่เศรษฐกิจอังกฤษจะถดถอยก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 70%