ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนรู้สึกผิดหวังหลังจากที่ประชุม G-20 ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการนำเงินทุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มาใช้ในการกอบกู้วิกฤตหนี้ยุโรป นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ย.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 239.76 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3123.55 จุด ลดลง 71.92 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5966.16 จุด ร่วงลง 167.02 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5527.16 จุด ลดลง 18.48 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซาหลังจากที่ประชุมผู้นำประเทศอุตสาหกรรมและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในกลุ่ม G-20 ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการสมทบเงินทุนใหม่ๆให้กับไอเอ็มเอฟเพื่อใช้ในการกู้วิกฤตหนี้ยูโรโซนโดยตรง
นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวภายหลังการประชุม G-20 ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านนโยบายของประเทศทั่วโลกต่างก็อยากเห็นรายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับแผนการกู้วิกฤตหนี้ยูโรโซน ก่อนที่จะตัดสินใจสมทบเงินเพิ่มเติมให้กับไอเอ็มเอฟเพื่อนำไปปล่อยกู้ให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) อีกทอดหนึ่ง ขณะที่นายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคาดว่า อาจจะมีการทำข้อตกลงดังกล่าวในเดือนก.พ.ปีหน้า
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีหดตัวลง 4.3% ในเดือนก.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.1% และเป็นสถิติที่หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าวิกฤตหนี้ยูโซโซนที่ทวีความรุนแรงขึ้นนั้น กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเยอรมนี
หุ้นอัลคาเทล-ลูเซนท์ ผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารรายใหญ่สุดของฝรั่งเศส ร่วงลง 17% สู่ระดับ 1.67 ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรปี 2554 ลง 4%
หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับสองของเยอรมนี ร่วงลง 6.3% หลังจากธนาคารเปิดเผยยอดขาดทุนจำนวนมากในไตรมาส 3 อันเนื่องมาจากปรับลดมูลค่าพันธบัตรของรัฐบาลกรีซที่ธนาคารถือครองอยู่
หุ้นเฟียต ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป ดิ่งลง 5.5% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นกลุ่มรถยนต์ที่คำนวณในดัชนี Stoxx 600
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอร์เมส อินเตอร์เนชันแนล ผู้จำหน่ายสินค้าหรูหรา ดีดตัวขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2554 ขึ้นราว 15-16%