บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น(FORTH) ยอมรับสถานกาณณ์น้ำท่วมส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปีนี้ โดยเฉพาะในไตรมาส 4/54 ที่บริษัทได้รับผลกระทบน้ำท่วม โดยออเดอร์จากเวสเทิร์นดิจิตอล (WD) หายไปหลังจากที่โรงงานของเวสเทิร์นฯ ที่จ.พระนครศรีอยุธยาหยุดไป แต่เชื่อว่าผลประกอบการงวด 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้ดี น่าจะช่วยพยุงไม่ให้ปรับลดลงมาก
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ปีนี้ลดลงจากปีก่อนที่ 1.16 หมื่นล้านบาท แต่เชื่อว่า กำไรสุทธิปีนี้น่าจะสูงกว่าปีก่อน โดยงวด 9 เดือนแรกมียอดขายแล้ว 7.6 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไร 394 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากำไรสุทธิปีที่แล้วทั้งปีที่ทำได้ 317 ล้านบาท
นอกจากนี้หลังน้ำลด บริษัทมีงานใหม่เข้ามาที่ส่วนใหญ่เป็นงานซ่อมบำรุงจากบมจ.ทีโอที ได้แก่ การวางชุมสายอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์ ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้ได้ติดต่อมายังบริษัทแล้วและจะเข้าไปดำเนินการซ่อมภายใน 1-2 สัปดาห์หลังน้ำลด
"น้ำท่วมก็คงกระทบต่อผลประกอบการปีนี้ แต่กำไร 3 ไตรมาสก็คาดว่าน่าจะ cover ปีที่แล้วทั้งปี เพราะปีนี้มีงาน ERP ของการไฟฟ้านครหลวงเข้ามามูลค่ากว่า 400 กว่าล้านบาท ซึ่งก็ตรวจรับงานเรีบยร้อยหมดแล้ว งานอื่นๆพวกตู้จราจรที่เป็นของเราถ้าน้ำท่วมก็คงเสียหายหมด เขาก็ต้องเปลี่ยนหมดเพราะความปลอดภัยมันสูงมาก หลังน้ำลดงานพวกนี้ก็จะกลับมามากแน่นอน ส่วนขององค์การโทรศัพท์ (ทีโอที)ที่มีการวางชุมสายอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์ตามนิคมฯต่างๆที่เสียหายจากน้ำท่วม ตอนนี้เขาก็ติดต่อให้เราเตรียมอุปกรณ์แล้ว เพราะต้องเข้าไปซ่อมให้ได้ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังน้ำลด"นายพงษ์ชัย อมตานนท์ กรรมการผู้จัดการ FORTH กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ด้านนายชัชวิน พิพัฒน์โชติธรรม ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร FORTH คาดว่า ยอดขายในไตรมาส 4/54 ของบริษัทคงปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่จำนวนไม่เกิน 2 พันล้านบาท หลังบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟรายใหญ่ของโลกซึ่งเป็น 1 ในลูกค้าสำคัญของบริษัท ต้องหยุดการผลิตเนื่องจากโรงงานในประเทศไทยถูกน้ำท่วม อย่างไรก็ตามบริษัทประเมินว่าหลังน้ำลดความต้องการใช้อุปกรณ์สื่อสารต่างๆของทางบมจ.ทีโอทีที่ถูกน้ำท่วมจะเพิ่มขึ้นสูง ซึ่งจะช่วยชดเชยกำไรที่หายไป
“ไตรมาส 4/54 ตัวเลขคงตกลงเล็กน้อยเพราะเวสเทิร์นดิจิตอลหายไป แต่พอหลังน้ำลดจะมีความต้องการพวกอุปกรณ์สื่อสารขององค์การโทรศัพท์ที่โดนน้ำท่วมไปทั้งหมดกลับมา ซึ่งจะมา cover กำไรในส่วนที่หายไป แต่จะไม่ cover รายได้ เพราะรายได้มันสู้ไม่ได้ รายได้ของเวสเทิร์นดิจิตอลเยอะ แต่กำไรน้อย แต่งานของทีโอที ยอดขายไม่เยอะ แต่กำไร cover พอ"นายชัชวิน กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่ากำไรสุทธิปี 54 มีโอกาสสูงกว่าปี 53 ที่มีกำไร 317 ล้านบาท ตามการรับงานที่มีกำไรสูงขึ้น ขณะที่รายได้น่าจะลดลงจากปีก่อนที่ 1.16 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะมาอยู่ที่ประมาณ 9 พันล้านบาท
"คาดการณ์ว่ากำไรปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว แต่รายได้น่าจะลดลง เพราะทุกคนก็รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่มีข่าวดีคือผมปลอดภัยแล้ว กำไร 3 ไตรมาสที่ผ่านมาคาดว่าน่าจะ cover ปีที่แล้วทั้งปีแล้ว น้ำท่วมตอนนี้ภาคเหนือก็เริ่มแห้งแล้ว และเราได้ย้ายคลังบางส่วนไปรอที่ปากช่อง พอน้ำลดเราก็ส่งของได้เลย กำไรคงไม่ลดลง ผลของน้ำท่วมไม่ได้ effect อะไรเรา เพราะโรงงานเรายังป้องกันน้ำท่วมได้หมด แต่พื้นที่โดยรอบท่วมหมดแล้ว เพราะโรงงานเราถมที่ขึ้นไปถึง 2 เมตร เครื่องจักรที่สำคัญๆเราวางไว้ชั้น 2 กรรีเลวร้ายสุดๆถ้าท่วมโรงงาน อย่างไงเครื่องจักรก็ไม่ท่วม และถ้าน้ำลดเมื่อไหร่ เราคิดว่ายอดออเดอร์ว่าจะ recover ได้เร็ว เพราะว่าเครื่องจักรเราสามารถทำงานได้ทันที "นายชัชวิน กล่าว
*ป้องกันโรงงานจากน้ำท่วม
นายพงษ์ชัยกล่าวว่า บริษัทได้ขยายวันหยุดของโรงงานซึ่งตั้งอยู่บนถนนพุทธมณฑล สาย 5 ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ออกไปอีก 2-3 สัปดาห์ จากก่อนหน้านี้ที่ได้หยุดมาตั้งแต่วันที่ 1-6 พ.ย.54 เนื่องจากระดับน้ำบนถนนพุทธมณฑลสาย 5 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน โดยขณะนี้สูงถึง 80 ซม.ซึ่งส่งผลให้การเดินทางสัญจรไปมาไม่สะดวก
อย่างไรก็ตามน้ำยังไม่ได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่ของโรงงาน และเครื่องจักรสำคัญๆซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตทั้งหมดได้ติดตั้งไว้บริเวณชั้นสองของอาคาร จึงมั่นใจว่าจะไม่ถูกน้ำท่วม ทั้งนี้บริษัทได้มีการย้ายเครื่องจักรบางส่วนไปไว้ที่โรงงานของพันธมิตรที่จังหวัดนครราชสีมาด้วย
"โรงงานเราอยู่บนถนนพุทธมณฑลสาย 5 ซึ่งตอนนี้น้ำท่วมแล้ว 80 ซม. แต่น้ำยังไม่เข้าในโรงงาน อย่างตัวพื้นชั้น 1 ของโรงงานก็อยู่สูงจากถนนขึ้นมาอีกประมาณ 60 ซ.ม. แต่ตอนนี้การเดินทางค่อนข้างลำบากก็เลยให้หยุดการผลิตไปก่อนสัก 2-3 สัปดาห์ ส่วนตัวเครื่องจักรที่สำคัญๆราคาแพงก็อยู่ชั้น 2 ก็ถือว่า safe ผมไม่กังวลเลย และเราก้มีการทำประกันครอบคลุมเรื่องน้ำท่วมไว้แล้วด้วย"นายพงษ์ชัย กล่าว
ขณะที่ สำนักงานใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. ยังเปิดดำเนินการตามปกติ แต่บริษัทก็ได้มีการย้ายสต๊อกสินค้าและสินค้ามีค่าต่างๆขึ้นไปไว้บนชั้น 2 และได้มีการนำกระสอบทรายมาสร้างแนวป้องกันโดยรอบสำนักงานไว้หมดแล้ว ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้คงผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในปีนี้เช่นกัน แต่บริษัทก็มั่นใจว่าหลังน้ำลดความต้องการสินค้าในหลายผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากอาทิแช่น ตู้และไฟควบคุมการจราจร รวมทั้งงานวางระบบต่างๆ
นายพงษ์ชัย กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจตู้เติมเงินปัจจุบันยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และปี 55 บริษัทมีแผนขยายตลาดฯเข้าไปในประเทศอินโดนีเซีย จากปัจจุบันที่มียอกขายในประเทศแล้วกว่า 1 หมื่นตู้ และในประเทศฟิลิปปินส์และเวียดนามอีกประเทศละเกือบ 1 พันตู้