ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่านายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี นายกรัฐมนตรีอิตาลีประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่ง หลังจากรัฐสภาอิตาลีลงมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปงบประมาณ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 101.79 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 12,170.18 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 14.80 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 1,275.92 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 32.24 จุด หรือ 1.20% ปิดที่ 2,727.49 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.9 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 3 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่าแบร์ลุสโคนี นายกรัฐมนตรีอิตาลีประกาศว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรอิตาลีมีมติรับรองร่างกฏหมายปฏิรูปงบประมาณ ซึ่งการประกาศลงจากตำแหน่งของนายแบร์ลุสโคนีทำให้นักลงทุนมองว่าจะช่วยปูทางไปสู่การมีผู้นำที่จะสามารถจัดการกับปัญหาหนี้ได้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การตัดสินใจลาออกของนายแบร์ลุสโคนีมีขึ้นหลังจากรัฐสภาอิตาลีมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปงบประมาณ แต่เนื่องจากนายแบร์ลุสโคนีได้รับคะแนนเสียงในรัฐสภาต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนที่นั่ง 630 เสียงในรัฐสภา จึงทำให้ทั้งพรรคฝ่ายค้านและพรรคที่เป็นพันธมิตร เรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง เพื่อลดกระแสความวิตกกังวลที่ว่าอิตาลีอาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้ได้
ตลาดหันมาจับตาดูวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองของอิตาลีหลังจากมีกระแสความวิตกกังวลออกมาเป็นระยะๆว่า อิตาลีอาจจะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินต่อจากกรีซและไอร์แลนด์ นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่านายแบร์ลุสโคนีเป็นอุปสรรคต่อการอนุมัติมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจที่จำเป็นต่อการพยุงอิตาลีให้รอดพ้นจากวิกฤตหนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับ 7% ในวันอังคาร ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดยังคงไม่มั่นใจว่าอิตาลีจะสามารถชำระหนี้ได้ และอาจทำให้อิตาลีต้องขอรับความช่วยเหลือด้านการเงินเช่นเดียวกับกรีซและไอร์แลนด์
จาเวียร์ นอเรกา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของวาณิชธนกิจ Hildebrandt and Ferrar กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า ตลาดมีปฏิกริยาต่อความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในอิตาลีมากกว่าปัจจัยอื่นๆ ในเวลานี้ ซึ่งนอกเหนือไปจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองแล้ว สิ่งที่ตลาดกังวลอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า อิตาลีอาจจะไม่สามารถจัดการกับหนี้สินมูลค่า 1.9 ล้านล้านยูโร ซึ่งมีสัดส่วนเท่ากับ 120% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
หุ้น Priceline.com พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นบลิซซาร์ด อิงค์ ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังจากบริษัทคาดว่าจะสามารถทำยอดขายวีดิโอเกมเวอร์ชั่นล่าสุด "Call of Duty" ได้มากขึ้น 10%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย. วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนต.ค. ส่วนวันศุกร์ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนพ.ย.