ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่านายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี นายกรัฐมนตรีอิตาลีประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่ง หลังจากรัฐสภาอิตาลีลงมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปงบประมาณ
ดัชนี Stoxx 600 ดีดตัวขึ้น 0.9% ปิดที่ 240.50 จุด
ดัชนี CAC-40 ปิดตลาดฝรั่งเศสที่ 3143.30 บวก 39.70 จุด ดัชนี DAX ปิดตลาดเยอรมนีที่ 5961.44 บวก 32.76 จุด ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดลอนดอนที่ 5567.34 บวก 56.52 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นนายแบร์ลุสโคนี นายกรัฐมนตรีอิตาลีประกาศว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรอิตาลีมีมติรับรองร่างกฏหมายปฏิรูปงบประมาณ ซึ่งการประกาศลงจากตำแหน่งของนายแบร์ลุสโคนีทำให้นักลงทุนมองว่าจะช่วยลดอุปสรรคในการปฏิรูปเศรษฐกิจ และจะช่วยให้อิตาลีสามารถจัดการกับปัญหาหนี้ได้
พรรคฝ่ายค้านและพรรคที่เป็นพันธมิตรของนายแบร์ลุสโคนีเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง หลังจากนายแบร์ลุสโคนีได้รับคะแนนเสียงในรัฐสภาต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนที่นั่งในรัฐสภา โดยการเรียกร้องให้นายแบร์ลุสโคนีลาออกมีเป้าหมายที่จะลดกระแสความวิตกกังวลที่ว่าอิตาลีอาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้ได้
ตลาดหุ้นยุโรปได้ปัจจัยบวกมากขึ้นเมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของเยอรมนีในเดือนก.ย.ขยายตัว 0.9% เมื่อเทียบกับเดือนส.ค. ซึ่งการขยายตัวของการส่งออกนั้น สวนทางกับสัญญาณอื่นๆที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจเยอรมนี
หุ้นเรพวอล วายพีเอฟ พุ่งขึ้น 6.3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 7.3% ส่วนหุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิง ทะยานขึ้น 4.4% หลังจากธาคารเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีมูลค่า 644 ล้านปอนด์ในไตรมาส 3