ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542 ขณะที่ต้นทุนการประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรประเภท Credit-Default Swaps (CDS) ของอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าอิตาลีอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ดิ่งลง 1.7% ปิดที่ 236.34 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3075.16 จุด ลบ 68.14 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5829.54 จุด ลบ 131.90 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5460.38 จุด ลบ 106.96 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันอย่างหนักจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะด้านการคลังของอิตาลี หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.502% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดครั้งใหม่นับตั้งแต่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542 ขณะที่ต้นทุนการประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตร CDS ของอิตาลีพุ่งขึ้น 0.35% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.62%
ส่วนต้นทุนการประกันพันธบัตร CDS ในประเทศอื่นๆ ก็พุ่งขึ้นเช่นกัน โดยมาร์กิต อิโคโนมิครายงานว่า ต้นทุนการประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตร CDS ของสเปนพุ่งขึ้น 0.32% สู่ระดับ 4.29% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. และที่ฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 0.12% สู่ระดับ 1.96% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปร่วงลง 3.7% ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดในรอบหลายเดือน โดยหุ้นธนาคารพิเรอุส แบงก์ของกรีซ ร่วงลง 6.3% หุ้นอัลฟาแบงก์ร่วงลง 9% หุ้นธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ดิ่งลง 5.8%
หุ้นมิเดียเซท เอสพีเอ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อของนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ดิ่งลง 12% หลังจากนายแบร์ลุสโคนีประกาศว่าจะลาออกจาตำแหน่ง ขณะที่หุ้นแอดไมรัล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันรถยนต์รายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 26% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนี Stoxx 600