ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนตัว หลังบอนด์ยีลด์ฝรั่งเศสพุ่ง

ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลฝรั่งเศสพ่งขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปกำลังลุกลาม อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงไม่มากนัก เพราะตลาดได้แรงหนุนในระหว่างวันจากข่าวความคืบหน้าในด้านบวกของยุโรป รวมถึงการแต่งตั้งอดีตประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกรีซคนใหม่ และความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลี

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 235.35 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3064.84 จุด ลบ 10.32 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5867.81 จุด บวก 38.27 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5444.82 จุด ลบ 15.56 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ของรัฐบาลฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 0.20% สู่ระดับ 3.40% เมื่อวานนี้ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่ารัฐบาลฝรั่งเศสอาจจะเผชิญกับวิกฤตการคลังและปัญหาหนี้สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในกรอบจำกัด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีสามารถปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวความคืบหน้าในด้านบวกของยุโรป รวมถึงรายงานที่ว่ารัฐบาลอิตาลีสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรอายุ 12 ปีได้สูงถึง 5 พันล้านยูโร (6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งถือเป็นยอดขายพันธบัตรรัฐบาลในวงเงินสูงสุด

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นายลูคัส ปาปาเดมอส ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลของกรีซ ซึ่งนายปาปาเดมอสเคยเป็นอดีตรองประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับอย่างมากในตลาดทุนและตลาดเงินของยุโรป

หุ้นเครดิต อกริโคล ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของฝรั่งเศส ดิ่งลง 2.3% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ทรุดตัวลงรุนแรงถึง 65% สู่ระดับ 258 ล้านยูโร เนื่องจากการปรับลดมูลค่าการถือครองพันธบัตรของกรีซทำให้ผลประกอบการของธนาคารอ่อนแอลงด้วย

หุ้นแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ซึ่งเป็นสายการบินรายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 5% หลังจากสายการบินเปิดเผยกำไรรายไตรมาสลดลง 31% และยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ด้วย เนื่องจากผลกระทบของต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม หุ้นแองโกล อเมริกัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 1.3% หลังจากแองโกล อเมริกันขายหุ้น 24.5% ในเหมืองที่ประเทศชิลี ให้กับบริษัทมิตซูบิชิ คอร์ป มูลค่า 5.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ