บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล (KH) ที่ระดับ “A-" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในกลุ่มคนไข้รายได้ระดับปานกลางถึงระดับล่าง ตลอดจนฐานรายได้ที่หลากหลาย คณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจการรักษาพยาบาล รวมทั้งความเสี่ยงจากการขยายธุรกิจของบริษัท และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายด้านสุขภาพภาครัฐ
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าโครงการสุขภาพภาครัฐและดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังเพื่อที่จะรักษาสมดุลย์ของแหล่งเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจต่อไปได้ อันดับเครดิตของบริษัทถือว่ามีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการลงทุนในอนาคตได้พอสมควร
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอล เป็นเจ้าของและบริหารกิจการโรงพยาบาลจำนวน 6 แห่งภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลเกษมราษฎร์" โดย 4 แห่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนอีก 2 แห่งอยู่ในจังหวัดเชียงรายและสระบุรี บริษัทมีรายได้จากลูกค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนไข้เงินสด และกลุ่มคนไข้โครงการประกันสังคม โดยที่มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มคนไข้เงินสดอยู่ที่ 70% กลุ่มคนไข้โครงการประกันสังคม 30% บริษัทตัดสินใจที่จะออกจากระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี 2553 โดยผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทมีไม่มากนักเนื่องจากระบบบริการดังกล่าวมีอัตรากำไรที่ต่ำและรายได้จากกลุ่มคนไข้เงินสดก็ค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้น
บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการสุขภาพภาครัฐ โดยในระยะกว่า 5 ปีที่ผ่านมามีสัดส่วนจำนวนผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมในเขตกรุงเทพฯ ประมาณ 9%-11% การมีฐานจำนวนผู้ประกันตนจำนวนมากช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบจากการประหยัดจากขนาด ในขณะที่ลักษณะของธุรกิจที่มีรายได้จากกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายช่วยเสริมความมั่นคงให้แก่ผลประกอบการ นอกจากนี้ โครงการสุขภาพภาครัฐยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายจากการมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอและช่วยคงระดับการใช้งานเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีต้นทุนสูงไม่ให้ต่ำเกินไปด้วย ทั้งนี้ นโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพปรากฏผลจากการที่บริษัทมีอัตราส่วนกำไรที่ค่อนข้างสม่ำเสมอในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า อันดับเครดิตของบริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอลสะท้อนถึงความเสี่ยงจากแผนการลงทุนในโครงการที่แจ้งวัฒนะและพัทยา โดยทั้ง 2 โครงการเน้นกลุ่มคนไข้รายได้สูง ทั้งนี้ สถานะของบริษัทในตลาดลูกค้ารายได้สูงถือว่ายังไม่มีศักยภาพเท่าเทียมกับธุรกิจในปัจจุบันเนื่องจากบริษัทยังมีข้อจำกัดในด้านผลงานและความเป็นที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมาย บริษัทมีความเสี่ยงสูงที่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับระบบโครงการประกันสุขภาพ ทั้งนี้ ระบบประกันสุขภาพของไทยยังอยู่ในช่วงการพัฒนาและมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอีกหลายระยะในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าผู้บริหารของบริษัทมีความเชี่ยวชาญและสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐเพื่อที่จะรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ได้
บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทลดลง 10% ในครึ่งแรกของปี 2554 หลังจากที่บริษัทออกจากระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในขณะที่อัตราส่วนกำไรปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากสัดส่วนคนไข้เงินสดที่สูงขึ้น บริษัทมีงบดุลที่แข็งแกร่งและมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 25.6% อัตราส่วนเงินกู้คาดว่าจะปรับสูงขึ้นจากการลงทุนในโครงการที่แจ้งวัฒนะ พัทยา และสุขาภิบาล 3 อันดับเครดิตของบริษัทไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากการลงทุนดังกล่าวหากบริษัทสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเอาไว้ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% บริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ในระดับที่ดี และโอกาสที่จะเกิดแรงกดดันต่อสภาพคล่องในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้ามีค่อนข้างต่ำ
สถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ที่ลุกลามถึงพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโรงพยาบาล 2 แห่งของบริษัทตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2554 ในขณะที่โรงพยาบาลอีก 2 แห่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงสูง ทริสเรทติ้งคาดว่าวิกฤตอุทกภัยจะทำให้กำไรของบริษัทในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีลดลง บริษัทมีสัญญาประกันคุ้มครองความเสียหายในส่วนของทรัพย์สิน แต่ไม่มีสัญญาคุ้มครองความเสียหายจากธุรกิจที่ต้องหยุดลงชั่วคราว ทริสเรทติ้งประเมินว่าความต้องการด้านบริการทางการแพทย์จะฟื้นตัวค่อนข้างรวดเร็วภายหลังจากที่สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง สถานะทางธุรกิจที่แข็งแรงของบริษัทน่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้อันดับเครดิตของบริษัทสามารถรองรับสภาวะการดำเนินธุรกิจที่ท้าทายนี้ได้