นายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ฐิติกร (TK) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่าน่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่อาจจะคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตยาก ทั้งนี้เพราะภาวะวิกฤติการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดนับจากการก่อตั้ง TK มา 40 ปี โดยขณะนี้ สภาพน้ำท่วมยังคงดำเนินอยู่ จึงยังไม่สามารถประเมินผลเสียหายในภาพรวมได้อย่างชัดเจน ซึ่งโดยผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ น่าจะมีผลต่อภาคกลางเป็นส่วนใหญ่
"แม้ว่าภาพรวมเราอาจจะยังรอหลังน้ำลด ซึ่งตอนนี้ยังประเมินได้ยาก เนื่องจากผู้ผลิตรถจักรยานยนต์หลายค่ายได้ปิดทำการผลิตไปในช่วงเดือนตุลาคม และอาจจะกำลังประสบปัญหา ด้านชิ้นส่วนในการผลิตเนื่องจาก โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องหยุดการผลิตเพราะถูกน้ำท่วม จึงทำให้เรายังไม่สามารถประเมินได้ว่าโรงงานรถจักรยานยนต์ จะเริ่มกลับมาทำการผลิตได้เมื่อไร บริษัทคาดว่าบริษัทผู้ผลิตเจ้าใหญ่ ทั้งฮอนด้าและยามาฮ่าได้มีการเตรียมแผนการหารถจักรยานยนต์เพื่อให้เพียงพอต่อการขายในระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้น 1-2 เดือนยังคงมีรถจักรยานยนต์ขายในประเทศแน่นอน และหากมีปัญหา ก็อาจมีการนำเข้ารถจักรยายนต์ในช่วง ปี 55" นายประพลกล่าว
นายประพลกล่าวว่าภายหลังน้ำลดแล้ว TK จะเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับลูกค้าในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม เพื่อดำเนินการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนในระยะสั้นก่อน
ด้านนางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ TK กล่าวว่า จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้ TK สร้างสถิติการเติบโตได้ถึง 11 ไตรมาสติดต่อกัน โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิเติบโต 12.3% อยู่ที่ 7,816 ล้านบาท สร้างผลกำไรในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ที่ 497.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 26.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
"การเติบโตอย่างต่อเนื่องกันมาถึง 11 ไตรมาสนั้น เป็นผลมาจากการใช้ความระมัดระวังในการให้สินเชื่อ โดยไม่เน้นแข่งขันด้านราคา แต่จะเน้นในเรืองของคุณภาพของลูกค้าเป็นหลัก ประกอบกับตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา เราได้ขยายบริการออกไปต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้เราเปิดสาขาต่างจังหวัดแล้ว 1 แห่ง" นางสาวปฐมากล่าว