โบรกฯเชียร์"ซื้อ"CPFคาดราคาเนื้อสัตว์-ความต้องการบริโภคยังสูงหลังน้ำลด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 11, 2011 15:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) หลังจากไตรมาส 3/54 ปรากฎกำไรสุทธิ 5.09 พันล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุด แต่ในไตรมาส 4/54 คาดว่ากำไรสุทธิ จะอ่อนต้วลง เนื่องจากไม่ใช่ฤดูกาลส่งออก และน้ำท่วมกระทบต่อการกระจายสินค้าของบริษัท ขณะที่ในส่วนโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มหมู และร้านซ๊พีเฟรชมาร์ท กับซุ่มห้าดาว ก็พลอยเสียหายและต้องปิดจากภาวะน้ำท่วม รวมมูลค่าประมาณกว่า 100 ล้านบาท

แต่คาดว่าหลังน้ำลด ราคาเนื้อสัตว์จะปรับตัวสูงขึ้น จากซัพพลายที่หายไปจากระบบและความต้องการกลับมา ซึ่งจะทำให้ทยอยพลิกกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 1/55

ทั้งปี 54 คาดว่า CPF กำไรสุทธิยังเติบโตได้ดี 16-24% มาที่ 1.45 - 1.6 หมื่นล้านบาท และปี 55 ยังเติบโตต่อเนื่องประมาณ 9-17% เป็น 1.7-1.75 หมื่นล้านบาท

          โบรกเกอร์      คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.ซีไอเอ็มบี      ซื้อ           43.00
          บล.ทรีนิตี้         ซื้อ           42.00
          บล.ทิสโก้         ซื้อ           37.00
          บล.ฟินันเซียไซรัส   ซื้อ           37.00
          บล.กรุงศรีอยุธยา  เก็งกำไร       35.00
          บล.ธนชาต        ซื้อ           35.00
          บล.เคทีบี         ซื้อ           35.00
          บล.ฟิลลิป       เทรดดิ้ง         34.25
          บล.กิมเอ็ง        ซื้อ           33.25

นางสาวสุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวแนะนำ"ซื้อ" หุ้น CPF ด้วยราคาเป้าหมาย 37 บาท เพราะคาดว่าหลังจากน้ำลด ราคาเนื้อสัตว์จะสูงขึ้น และซัพพลายน่าจะหายไปช่วงระยะหนึ่ง โดยไก่เนื้อใช้เวลาเลี้ยง 45 วัน และ หมู ใช้เวลาเลี้ง 120-150 วัน ขณะที่ดีมานด์ยังสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรในไตรมาส 4/54 อยู่ที่ประมาณ 2 - 2.3 พันล้านบาท ซึ่งอ่อนตัวกว่าในไตรมาส 3/54 ที่สามารถทำกำไรได้สูงถึง 5.09 พันล้านบาท เพราะเป็นช่วงส่งออกน้อยลง

ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้ CPF ได้รับความเสียหายประมาณกว่า 100 ล้านบาท โดยฟาร์มหมูที่เลี้ยงหมูประมาณ 1 ตัวเสียหาย และปิดการผลิตของโรงงานผลิตอาหารสัตว์ 2 โรงซึ่งขณะนี้ได้กลับมาเดินเครื่องแล้ว

ทั้งนี้ คาดว่าปี 54 CPF จะโชว์กำไรสุทธิที่ 15,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน และปี 55 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 17,298 ล้านบาท โต 10%yoy

นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/54 อ่อนตัวกว่าในไตรมาส 3/54 แต่ในไตรมาส 4/54 จะดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะผลกระทบน้ำท่วมจะทำให้การบริโภคน้อยลง แต่ภายหลังน้ำลดคาดว่าความต้องการจะมากขึ้น แต่ซัพพลายมีน้อยจะทำให้ราคาเนื้อสัตว์เพิ่ม ขึ้นได้

คาดว่า กำไรสุทธิปี 54 อยู่ที่ 16,045 ล้านบาท เติบโต 18% จากปีก่อน และในปี 55 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 17,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%

บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ปรับลดประมาณการกำไรปกติปีนี้ลง 6% โดยคาดว่ากำไรในไตรมาส 4/54 จะชะลอตัวลงเนื่องจากเป็นโลว์ซีซั่นของการส่งออกและธุรกิจกุ้ง ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมกระทบต่อการกระจายสินค้าบางส่วนและราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวลดลง

อย่างไรก็ดี ภาวะน้ำท่วมมีผลกระทบค่อนข้างน้อยต่อการผลิตของ CPF มีโรงงานอาหารสัตว์น้ำที่อยุธยาปิดไป 2 สัปดาห์ในเดือน ต.ค. แต่ปัจจุบันกลับมาดำเนินการได้เกือบปกติแล้ว ส่วนโรงงานอาหารสัตว์บกบางส่วนอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม (แต่น้ำไม่ได้ท่วมโรงงาน) CPF จึงย้ายการผลิตไปที่โรงงานอื่นแทน สำหรับฟาร์มสัตว์บก (ส่วนใหญ่เป็นฟาร์มหมู) ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแต่คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับฟาร์มทั้งหมดของบริษัทกว่า 6,000 ฟาร์มทั่วประเทศ ส่วนร้าน CP Fresh Mart และ ห้าดาว ปิดสาขาไปประมาณ 15% เมื่อเทียบกับจำนวนสาขาทั้งหมดแต่สาขาอื่นๆ ที่ยังเปิดอยู่มียอดขายรวมเพิ่มขึ้น 10-15% เราจึงประเมินว่ากำไรปกติปีนี้ที่ 14,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน

แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีหน้าและราคาเหมาะสม โดยปรับประมาณการกำไรปีหน้าขึ้น 4% เป็น 16,972 ล้านบาทเติบโต 17% จากกำไรปกติปี 2554 ราคาเหมาะสมอิง PER 13 เท่าจึงปรับขึ้นจาก 30 บาท เป็น 33.25 บาท

"เราเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลงราคาเนื้อสัตว์จะปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจาก Supply โดยรวมที่ลดลงจากภาวะน้ำท่วม ขณะที่ CPF ยังแทบไม่ได้รับความเสียหายจึงสามารถผลิตได้ตามปกติ อีกทั้งธุรกิจในต่างประเทศคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตุรกีและรัสเซีย ประกอบกับการเพิ่มสัดส่วนการขายอาหารปรุงสุก/พร้อมรับประทาน"บทวิเคราะห์ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ