นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในกลุ่ม ปตท.ไม่มากนัก โดยทำให้ยอดขายน้ำมันโดยรวมลดลงประมาณ 10% แต่ปริมาณการใช้น้ำมันกลับไปเพิ่มขึ้นในจังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และเป็นสถานที่อพยพแทน เช่น กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชลบุรี เป็นต้น
สำหรับสถานีบริการน้ำมันที่ปิดให้บริการในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมนั้น บางจังหวัดต้องปิดให้บริการทั้งหมด เช่น จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี แต่ขณะนี้บางสถานที่ระดับน้ำเริ่มลดลง และหากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติจึงจะเปิดให้บริการได้ตามปกติ โดยคาดว่าสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ที่น้ำลดแล้วจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากอุปกรณ์สำคัญไม่ได้รับความเสียหายซึ่งในปัจจุบันสถานีบริการน้ำมันของ ปตท.ที่ปิดให้บริการเนื่องจากน้ำท่วมมีอยู่ 140 แห่ง เป็นสถานีในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 120 แห่ง
ด้านนายจักรกฤษณ์ จารุจินดา ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ตลาดค้าปลีก PTT กล่าวว่า ในภาพรวมปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของ ปตท.ไม่ได้ลดลงมากนัก โดยน้ำมันเบนซินมีการขายลดลงจากช่วงที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน จาก 27 ล้านลิตรต่อวัน เหลือ 26 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนน้ำมันดีเซลปริมาณการขายลดลงประมาณ 1 แสนลิตรต่อวัน จาก 7.6 ล้านลิตรต่อวัน เหลือ 7.5 ล้านลิตรต่อวัน เพราะมีการนำน้ำมันไปใช้ในเรือ เครื่องสูบน้ำ หรือเครื่องปั่นไฟแทน และคาดว่าหลังจากที่ปริมาณน้ำลดลงแล้ว ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำน้ำมันมาใช้ในการฟื้นฟูประเทศ
นายจักรกฤษณ์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ขยับสูงขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่ขยับสูงขึ้นไปอยู่ที่ 129 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันเบนซินขยับไปอยู่ที่ 119 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยขณะนี้ ปตท.ได้ปรับการคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีจากที่เดิมประเมินไว้ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ไปอยู่ที่ 106 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งปัจจัยหลักของราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมากจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในซีกโลกตะวันตกเช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปในบางประเทศฤดูหนาวมาเร็วกว่าปกติ ทำให้แนวโน้มความต้องการน้ำมันดีเซลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการสร้างความมอบอุ่นเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศวันนี้จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยยังอยู่ในระดับที่ได้ คือประมาณ 90 สตางค์ต่อลิตร โดยค่าการตลาดน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 2 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 44 สตางค์ต่อลิตร