นายมารุต แสงศาสตรา ผู้ช่วยเลขานุการบริษัทและผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไดนาสตี้ เซรามิค (DCC) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ในปีนี้เป็นเติบโต 12% จากเดิมตั้งเป้าการโตไว้ 10% และคาดว่าในปีหน้าจะเติบโต 12-15% เนื่องจากความต้องการในการซื้อกระเบื้องเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในเดือน พ.ย.ที่กลับมาเติบโต 16-17% จากในเดือนต.ค.ที่ยอดขายเหลือโต 6% จากผลกระทบน้ำท่วมและจากความต้องการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมองการเติบโตของรายได้ในปีหน้า(55) ที่ 12-15% และเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท ในปี 57
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับแผนในการดำเนินธุรกิจด้วยการหันมาสร้างการเติบโตจากสาขาเดิมมากกว่าการขยายสาขาใหม่ เนื่องจากไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากและยังเป็นการลดค่าใช้จ่าย โดยตั้งเป้าการเติบโตต่อสาขาในปี 55 ที่ 36 ล้านบาทต่อสาขาต่อปี จากปีนี้ 32 ล้านบาท และการเติบโตก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทก็ยังเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องไม่ได้ลดความสำคัญ โดยในไตรมาส 4 ขยายสาขาอีก 4 สาขา ส่งผลให้ในปีนี้เพิ่มเป็น 214 สาขา โดย 12 สาขาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งปิดไป 8 สาขา
"เดิมได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10% แต่พอเห็นตัวเลขในเดือน พ.ย.ยังแปลกใจยอดขายเยอะมาก โดยเฉพาะตลาดซ่อมแซมมาเร็วและแรงกว่าตลาดสร้างใหม่ จากตั้งเป้ายอดขายเดือนต.ค.ไว้โต 16-17% แต่พอเจอน้ำท่วมการเติบโตเหลือแค่ 6% แต่เดือนพ.ย.ก็ช่วยให้เรากลับมาเหมือนเดิมและกำลังซื้อก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง" นยมารุต กล่าว
ทั้งนี้ จากการเติบโตดังกล่าวและความต้องการที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้คาดว่าความสามารถในการจ่ายปันผลในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยคาดว่าเฉลี่ยทั้งปีจ่ายที่ 3.20 บาท/หุ้น จากปีก่อน 2 บาทกว่า
ส่วนการปรับเพิ่มราคาขายกระเบื้อง ในไตรมาส 4 บริษัทคงจะชะลอการปรับราคาขายจากเดิมที่วางแผนจะปรับเพิ่มราคาเป็น 130 บาท/ตร.ม. แต่จากผลกระทบน้ำท่วม บริษัทก็อยากช่วยเหลือลูกค้าโดยจัดโปรโมชั่นลดราคาที่ราคาเฉลี่ยเดิมในไตรมาส 3 ที่ 128.64 บาท/ตร.ม. และคงจะเห็นไปปรับเพิ่มอีกครั้งในปีหน้าที่ 132 บาท/ตร.ม.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากความต้องการกระเบื้องที่ขนาดเปลี่ยนไปและมีมูลค่าสูงขึ้น ดีไซน์ใหม่
ส่วนแผนการขยายการลงทุนในปีหน้า ทั้งในส่วนการขยายกำลังการผลิตและขยายสาขาวางงบฯไว้ 300 กว่าล้านบาท รวมถึงการรองรับแผนในการซื้อเตาใหม่อีก 1-2 เตา โดยการซื้อเตาจะต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในไตรมาส 4 นี้ ซึ่งคงจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 3/55 จะรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่กำลังการผลิตที่ 61 ล้านตร.ม./ปี และในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นอีก 5% สำหรับอัตรากำไรขั้นตั้นในปี 55 คาดว่าจะอยู่ที่ 46% จากปีนี้ที่ 44% แม้ต้นทุนค่าแก๊สยังปรับเพิ่มสูงขึ้นแต่จากการที่บริษัทได้ปรับปรุงเครื่องจักรสูตรดินทำให้มาร์จินจะดีขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นชัดเจนในไตรมาส 2/55 โดยต้นทุนค่าแก๊สปีนี้ถือว่าสูงประมาณ 32% ของต้นทั้งหมดจากปีก่อน 28%