ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ลบ 74.70 จุดหลังบอนด์ยีลด์อิตาลีพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 15, 2011 06:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของอิตาลี หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในการประมูลเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ รายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวลงของยูโรโซน ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 74.70 จุด หรือ 0.61% แตะที่ 12,078.98 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 12.07 จุด หรือ 0.96% แตะที่ 1,251.78 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 21.53 จุด หรือ 0.80% ปิดที่ 2,657.22 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนวิตกกังวลหลังจากผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีในวันจันทร์ระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.29% สูงกว่าระดับ 5.32% ในการประมูลเมื่อเดือนที่แล้ว และถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่อิตาลีเข้าร่วมก่อตั้งกลุ่มยูโรโซน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.76%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลอิตาลี นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลียังสูงขึ้น แม้ว่านายมาริโอ มอนติ อดีตคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลีก็ตาม

นักวิเคราะห์กังวลว่า หากอิตาลีไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ จะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบ เนื่องจากเศรษฐกิจอิตาลีมีขนาดใหญ่ และรัฐบาลอิตาลีถือเป็นรัฐบาลที่มีภาระหนี้สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมีรายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นเหนือระดับ 6% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่ารัฐบาลสเปนจะต้องแบกรับภาระผูกพันในการจ่ายหนี้สาธารณะมูลค่ามหาศาล

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของประเทศกลุ่มประเทศยูโรโซน หดตัวลง 2.0% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายนในกลุ่มประเทศอียู 27 ประเทศ ลดลง 1.3% เมื่อเทียบรายเดือน

ยูโรสแตทระบุว่า ในเดือนกันยายนปีนี้ การผลิตสินค้าทุนในยูโรโซนร่วงลง 4.2% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 3.1% ในอียู ส่วนการผลิตสินค้าคงทนลดลง 3.8% และ 1.7% ในยูโรโซนและอียูตามลำดับ

หุ้นโบอิ้ง โค พุ่งขึ้น 1.5% ขานรับรายงานที่ว่าสายการบินเอมิเรตส์สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777 จำนวน 50 ลำ ซึ่งเป็นการสั่งซื้อล็อตใหญ่ที่สุดสำหรับโบอิ้ง นอกจากนี้ สายการบินโอมาน แอร์ ยังได้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 6 ลำ

หุ้นเจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าของสหรัฐ ร่วงลง 2.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ลดลงเกินคาด อันเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างต้นทุน นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2554 ด้วย

ส่วนหุ้นโลว์ คอส ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการและกำไรสุทธิรายไตรมาสมาสที่แข็งแกร่งเกินคาด

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค. และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. วันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. และธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนต.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ