ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินของอิตาลี หลังจากผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีเมื่อวานนี้ระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนที่หดตัวลงในเดือนก.ย.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 238.47 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3108.95 จุด ลบ 40.43 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5985.02 จุด ร่วงลง 72.01 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอนปิดที่ 5519.04 จุด ลบ 26.34 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงถ้วนหน้า หลังจากผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีในวันจันทร์ระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.29% สูงกว่าระดับ 5.32% ในการประมูลเมื่อเดือนที่แล้ว และถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่อิตาลีเข้าร่วมก่อตั้งกลุ่มยูโรโซน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.76%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งขึ้นแม้ว่านายมาริโอ มอนติ อดีตคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลีก็ตาม ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตลาดเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลอิตาลี
หุ้นยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของอิตาลี ร่วงลง 6.2% หลังจากคณะกรรมการบริหารของยูนิเครดิตตัดสินใจอนุมัติการขยายหุ้นเพื่อเสริมฐานเงินทุนของธนาคาร ภายหลังจากที่ธนาคารขาดทุนในไตรมาส 3 เป็นวงเงินสูงถึง 1.06 หมื่นล้านยูโร และธนาคารจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2554
หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารของยุโรปร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นบีบีวีเอ ธนาคารรายใหญ่อันดับสองของสเปน ร่วงลง 3.2% หุ้นบังโค ซานตานเดร์ ธนาคารรายใหญ่สุดของสเปน ดิ่งลง 2.7% และหุ้นแบงคินเตอร์ ร่วงลง 2.3%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ที่ระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของประเทศกลุ่มประเทศยูโรโซน หดตัวลง 2.0% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายนในกลุ่มประเทศอียู 27 ประเทศ ลดลง 1.3% เมื่อเทียบรายเดือน
นักลงทุนจับตาดูการลงมติรับรองคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอสของกรีซ ในวันพุธนี้ ก่อนที่จะมีการประชุมรมว.คลังกลุ่มยูโรโซนที่เมืองบรัสเซลส์ ในวันพฤหัสบดีนี้