บมจ.ไทยยูเนี่ย โฟรเซ๋น โปรดักส์ (TUF) คาดรายได้และกำไรในไตรมาส 4/54 จะดีกว่าในไตรมาส 4/53 เนื่องจากสามารถปรับราคาได้ตามราควัตถุดิบสูงขึ้น และคำสังซื้อเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาวะน้ำท่วมทำให้มียอดขายในประเทศดีขึ้นกว่าปกติ ขณะที่ อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะลดเหลือ 1.5 เท่าจาก 1.6 เท่า ณ สิ้นเดือนก.ย. 54
นายปาโก้ ลี Finance Controler จาก TUF คาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 4/54 จะดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพราะในไตรมาส 4 ปีนี้สามารถปรับราคาขึ้นตามวัตถุดิบได้ จากปีก่อนในไตรมาสเดียวกันที่ราคากุ้งสูงขึ้นแต่ปรับราคาได้ไม่ทันราคาวัตถุดิบ แต่ปกติรายได้แลกำไรในไตรมาส 4 จะต่ำกว่าไตรมาส 3 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นอยู่แล้ว
นปี 54 บริษัทตั้งเป้าจะลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) มาที่ 1.5 เท่า จาก 1.6 เท่า ณ สิ้นเดือน ก.ย.54 และคาดว่าจะลดลงเหลือ 1.3 เท่า ในปี 55 และ เหลือ 1 เท่าในปี 56 โดยเริ่มจ่ายหนี้ธนาคารในปีนี้
ขณะที่นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร TUF มองว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/54 ดีขึ้นทั้งรายได้และกำไร โดยเฉพาะยอดขายในประเทศสูงขึ้นจากสถานการณ์น้ำท่วม แต่มองว่าเป็นผลบวกระยะสั้น
ส่วนโรงงานของเราตั้งอยู่ในอ.เมือง จ.สมุทรสาคร ยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและยังเปิดการผลิตอยู่ แต่หากหยุดผลิต 2-4 สัปดาห์ จะมีผลให้รายได้ลดลง 5-10% จากเป้าหมายรายได้ปี 54 เติบโต 40% แม้ว่าตัวโรงงานได้มีการป้องกันน้ำท่วมเป็นอย่างดี วัตถุดิบก็ไม่มีปัญหา แต่พนักงานที่อยู่รอบโรงงานอาจจะเข้ามาทำงานไม่ได้จะทำให้การผลิตต้องหยุดชั่วคราว โดยโรงงานแห่งนี้ผลิตปลาทูน่า 40% และ กุ้งแช่แข็ง 60%
"หวังว่าอาทิตย์นี้ทุกอย่างคงเรียบร้อย รอลุ้นอาทิตย์นี้ว่าจะท่วมหรือไม่ท่วม ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ดีมากสำหรับบริษัท ตอนนี้เราต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด" นายธีรพงศ์ กล่าว