โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"KBANK ผลดำเนินงานโตต่อเนื่อง,ภาวะน้ำท่วมกระทบไม่มาก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 17, 2011 10:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)จัดอยู่ในกลุ่ม Top picks จากผลการดำเนินงานยังมีการเติบโตได้ดี โดยผลงานที่ทำมาได้ดีโดยตลอด แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการที่ดี แม้ช่วงนี้จะรับผลกระทบจากปัจจัยใน-นอกประเทศที่ไม่ค่อยเอื้อต่อการลงทุนเท่าไร

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/54 ผลการดำเนินงานของ KBANK คงจะไม่ดี เนื่องมาจากปัญหาเรื่องน้ำท่วม ทำให้หนี้เสียอาจมีเพิ่มขึ้น และการขยายตัวของสินเชื่อก็น้อยลง แต่ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมก็ไม่ได้มากนัก และเชื่อว่าปีหน้าสถานการณ์จะดีขึ้น หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ก็จะเข้าสู่ช่วงการฟื้นฟูประเทศ สินเชื่อของแบงก์ในปีหน้าก็คงจะเป็นสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูฯเป็นส่วนใหญ่

ทั้งนี้ คาดว่าสินเชื่อของ KBANK ในปีหน้าจะมีการขยายตัวช่วง 7-9% จากปีนี้ที่สินเชื่อคาดว่าจะเติบโตในช่วง 9-12% โดย 9 เดือนแรกของปีนี้สินเชื่อของ KBANK เติบโตแล้ว 11.3% เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่เกื้อหนุนในการขยายตัวของสินเชื่อ แต่ปีหน้าตัวขับเคลื่อนการเติบโตของสินเชื่อคงจะอยู่ที่ภาครัฐ

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ในกรอบ 2.66-2.81 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปี 2553 ที่มีกำไรสุทธิ 2.00 หมื่นล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดการณ์กำไรสุทธิในช่วง 3.37 หมื่นล้านบาท โดยปีหน้าจะได้รับประโยชน์การลดภาษีเงินได้จาก 30% เหลือ 23%

          โบรกเกอร์            คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)   ซื้อ               176.00
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)    ซื้อ               175.00
          บล.ทรีนีตี้               ซื้อ               174.00
          บล.เอเชีย พลัส          ซื้อ               161.00
          บล.พัฒนสิน              ซื้อ               157.00
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ     ซื้อ               155.00
          บล.ไทยพาณิชย์           ซื้อ               152.00
          บล.กรุงศรีอยุธยา         ซื้อ               151.00
          บล.เคที ซีมิโก้           ซื้อ               150.00

น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า จัดให้หุ้น KBANK เป็นหุ้นตัวหนึ่งในกลุ่ม Top picks เนื่องจากมีภาพชัดเจนในการดำเนินธุรกิจ อย่างตัวเลข NPL ที่จะปรับตัวขึ้นอันเนื่องมาจากปัญหาน้ำท่วมก็คงจะขึ้นมาแค่ 0.5% เท่านั้น จากขณะนี้ตัวเลข NPL อยู่ที่กว่า 2% เมื่อรวมกันแล้วถ้าตัวเลข NPL ขึ้นมาเป็น 3% ก็ถือว่ายังรับได้เพราะผลกระทบที่มีต่องบการเงินไม่มาก

สำหรับการขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้คาดว่า KBNAK คงจะขยายตัวได้ 9% จากเป้าหมายของแบงก์ที่มองไว้จะขยายตัวสินเชื่อ 11% เนื่องจากมองว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอาจจะทำอะไรไม่ได้มาก และ 9 เดือนแรกของปีนี้ทาง KBANK ก็สามารถทำสินเชื่อให้ขยายตัวได้แล้ว 9%

ในปีหน้าคาดว่าสินเชื่อของ KBANK จะขยายตัว 9% ขณะที่เป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อที่ผู้บริหาร KBANK มองไว้ว่าจะขยายตัว 9-11% ในกรณีที่ดี ส่วนกรณีเลวร้ายมองไว้ที่ 7-9%

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 2.81 หมื่นล้านบาท เติบโต 40% จากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 2.00 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 55 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 3.37 หมื่นล้านบาท(ได้คิดรวมการลดภาษีจาก 30% เหลือ 23% ในปีหน้าไว้แล้ว)

"แต่ล่าสุดเห็นทางกลุ่มแบงก์ออกมาบอกว่าจะไม่รับประโยชน์จากภาษีฯในปีหน้า เนื่องจากต้องการที่จะให้รัฐฯนำไปใช้ช่วยเหลือคนเดือดร้อนจากน้ำท่วม ซึ่งหากไม่รับจริงกำไรสุทธิของ KBANK ในปีหน้าก็อาจจะลดจากคาดการณ์ลงไปเล็กน้อยเท่านั้น อาจเหลือกำไรสุทธิประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะมี 3.37 หมื่นล้านบาท ซึ่งโดยรวมผลการดำเนินงานของ KBANK ยังมีการเติบโตได้ดี จึงยังจัดให้ KBANK เป็นหุ้นตัวหนึ่งในกลุ่ม Top picks ของเรา"น.ส.ศศิกร กล่าว

ด้านนายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า จัดให้ KBANK เป็นหุ้นตัวหนึ่งในกลุ่ม Top picks เช่นกัน เนื่องจากมีศักยภาพที่เติบโตและสามารถทำผลงานดีมาโดยตลอด เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถในการจัดการที่ดี เพียงแต่ช่วงนี้เนื่องจากมีปัจจัยทั้งในประเทศและนอกประเทศที่ยังไม่เอื้อต่อการลงทุนเท่าไร จึงแนะนำช่วงนี้ให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง

ทั้งนี้ ในไตรมาส 4/54 ผลการดำเนินงานของ KBANK คงจะไม่ดี เนื่องมาจากปัญหาเรื่องน้ำท่วม ทำให้หนี้เสียอาจมีเพิ่มขึ้น และการขยายตัวของสินเชื่อก็น้อยลง แต่เชื่อว่าปีหน้าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยต้นปีหน้าน้ำท่วมคงจะเริ่มลดลงก็จะเข้าสู่การฟื้นฟู ซึ่งสินเชื่อของแบงก์ในปีหน้าก็คงจะเป็นสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูฯเป็นส่วนใหญ่ คาดว่าปีหน้า KBANK จะมีการขยายตัวของสินเชื่อ 7% ลดลงจากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 12% โดย 9 เดือนแรกสินเชื่อของ KBANK เติบโตแล้ว 11.3% จากหลายปัจจัยที่เกื้อหนุน แต่ปีหน้าตัวขับเคลื่อนการเติบโตของสินเชื่อคงจะอยู่ที่ภาครัฐฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

"ปีหน้ามองว่าภาครัฐฯจะต้องมีความชัดเจนว่าจะไปตรงไหน ซึ่งนโยบายของภาครัฐฯจะสำคัญ เพราะมองว่าปีหน้าธุรกิจ SME คงแย่ และคนก็คงจะตกงานมากขึ้น ซึ่งคงเป็นผลจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ดังนั้นรัฐฯจะต้องบอกได้ว่าทำไงให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ ส่วนการลงทุนก็คงจะต้องยังมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาคการลงทุนยังดีอยู่ แต่ช่วงสั้นคงติดปัญหาจากเรื่องน้ำท่วม อีกอย่างต้องดูด้วยว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2555 จะช่วยได้แค่ไหน ถ้าแย่มากก็จะกระทบภาพรวมในแง่การส่งออกได้"นายธนเดช กล่าว

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ KBANK ในปีนี้ไว้ที่ 26,600 ล้านบาท เติบโต 32% จากปี 2553 ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 33,700 ล้านบาท เติบโต 27% จากปี 2554

ด้านบล.เคจีไอ(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น KBANK โดยเชื่อว่ามีศักยภาพที่จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 55 แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก และภาวะน้ำท่วมในประเทศ ในขณะที่ภาวะน้ำท่วมที่ขยายวงกว้าง และยืดเยื้อยาวนานจะเป็นความเสี่ยงหลัก อย่างน้อยก็ในระยะสั้น ต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย และผลประกอบการธนาคาร

แต่ยังเชื่อว่าผลประกอบการที่โดดเด่นของ KBANK ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้จะทำให้ธนาคารสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจสำหรับปีนี้ได้ ในขณะเดียวกัน ธนาคารเองก็เชื่อว่าจะสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราที่แข็งแกร่งได้ในปี 55 แม้ในกรณีเลวร้ายที่สุด KBANK ยังคงเป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มธนาคาร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ