นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไพลอน (PYLON) เปิดเผยว่า ในปี 54 คาดว่าจะมีรายได้ในระดับใกล้เคียงเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1 พันล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) มูลค่ารวมกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงกลางปี 56 แบ่งเป็นงานฐานราก มูลค่า 500 ล้านบาท งานแนวราบ 400 ล้านบาท และยังคาดว่าจะมีปริมาณงานเข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของบริษัท และจากงานก่อสร้างของบริษัทย่อย
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อธุรกิจบ้าง โดยเฉพาะด้านการขนส่งวัสดุที่ไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ไม่เต็มที่ แต่ในระยะยาวประเมินว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทจากแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคที่กลับมาสนใจคอนโดมิเนียม และการลงทุนภาครัฐเพื่อป้องกันน้ำท่วมมีมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการรับงานของบริษัท
อย่างไรก็ดี นายบดินทร์ กล่าวยอมรับว่า จากผลกระทบน้ำท่วม ส่งผลกระทบให้กำลังการผลิตลดลง 20-30% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 90% โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบเพราะซัพพลายเออร์ไม่สามารถขส่งสินค้ามาให้บริษัทได้ ส่วนจะส่งผลกระทบต่อรายได้หรือไม่ บริษัทจะประเมินอีกครั้ง แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดผลขาดทุนแน่นอน
และผลกระทบดังกล่าวอาจจะทำให้การรับรู้ของ backlog ในปีนี้ล่าช้าออกไปปีหน้าจากที่ประเมินว่าจะรับรู้ 30% จากจำนวน backlogที่มี 900 ล้านบาทนั้น ปีนี้อาจจะไม่ได้รับรู้เป็นรายได้ตามเป้าหมาย
"ตอนนี้เราคงประเมินผลกระทบน้ำท่วมที่เกิดขึ้นว่าจะมากน้อยแค่ไหนกับเรา แต่ไม่น่ามีผลกระทบอย่างมีนัย ยอมรับว่า ไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่พีคของเราและคาดหวังไว้สูง แต่พอเจอปัญหาอาจจะทำให้ไม่ดีอย่างที่คาด หรืออาจลดลงแต่ก็ไม่น่ามาก เพราะผลกระทบน้ำท่วมมีแค่ 10 วัน และตอนนี้ทิศทางดีขึ้น ดังนั้น มองว่าในเดือนธ.ค. ทุกอย่างจะมีทิศทางสนับสนุนเรา แต่จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง"กรรมการผู้จัดการ PYLON กล่าว
นายบดินทร์ กล่าวต่อว่าปัจจุบันมีกระแสเงินสดเกิน 100 ล้านบาท ซึ่งสามารถขยายกำลังการผลิตได้อีก 20-30% ตามปริมาณงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งของภาคเอกชนและภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าที่จะทยออยก่อสร้างมากขึ้น
นายบดินทร์ กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปี บริษัทได้มีการศึกษาในการมองหาธุรกิจใหม่ซึ่งจะเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้าง เพื่อขยายกิจการและสร้างความแข็งแรงให้กับบริษัท โดยจะนำเรื่องดังกล่าวหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือน ธ.ค.นี้
รวมทั้งจะนำเสนอแนวคิดการจ่ายปันผลเป็นหุ้น (stock divided) ให้คณะกรรมการพิจารณา ซึ่งการออกหุ้นปันผลจะรองรับแผนของบริษัทที่จะย้ายเข้าตลาดหลักทรัพย์ SET จากปัจจุบันที่หุ้นบริษัทเทรดอยู่ตลาด mai ซึ่งเห็นว่าหากอยู่ใน SET จะทำให้หุ้นของบริษัทได้รับความสนใจและ จะมีเครื่องมือทางการเงินมากขึ้น
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 3/54 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 20.40 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.10 บาท เพิ่มขึ้น 16.12 ล้านบาท หรือร้อยละ 376.64 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 4.28 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.02 บาท ส่งผลให้ผลประกอบการในงวดสะสม 9 เดือนบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 64.05 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.32 บาท เพิ่มขึ้น 56.24 ล้านบาท หรือร้อยละ 720.10 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 7.81 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.04 บาท
ในงวด 3 เดือนบริษัทฯ มีรายได้จากการรับจ้างรวม 270.14 ล้านบาท มีต้นทุนจากการรับจ้าง 234.11 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายในการขาย และ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร รวม 10.69 ล้านบาท มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท 20.40 ล้านบาท สำหรับงวดเก้าเดือนมีรายได้จากการรับจ้างรวม 736.82 ล้านบาท มีต้นทุนจากการรับจ้าง 604.15 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายในการขาย และ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร รวม 42.23 ล้านบาท มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท 64.05 ล้านบาท
ในขณะที่งบเฉพาะกิจการบริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับงวดสามเดือนเท่ากับ 25.48 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 20.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 442.94 ส่วนกำไรสุทธิสำหรับงวดเก้าเดือนของบริษัทเท่ากับ 67.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 53.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 387.52 โดยมีรายได้จากการรับจ้างสำหรับงวดสามเดือน และงวดเก้าเดือน เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 88.66 ล้านบาท และ 277.29 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากการขยายตัวของงานในตลาด