CHOW มั่นใจรายได้ปีนี้เกิน 5 พันลบ.ตามเป้าหมาย หลังมีออเดอร์ต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 17, 2011 14:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Billet)รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปิดเผยว่า รายได้ในปี 54 คาดว่าจะสามารถทำได้สูงกว่า 5,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากเพียง 9 เดือนแรกของปีบริษัทฯ ทำได้แล้วถึง 4,254.18 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 85.08 ของเป้าหมายดังกล่าวแล้ว

โดยรายได้ในไตรมาส 4/54 ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าในปีนี้ประเทศไทยจะมีอุทกภัยครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่กระทบกับคำสั่งซื้อ และการส่งมอบสินค้าก็ยังทำได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมด้วย โดยขณะนี้มีคำสั่งซื้อรอการส่งมอบต่อเนื่องถึงเดือนธันวาคมแล้ว

สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/54 บริษัทมีกำไรสุทธิ 38.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 505.60 จากปีก่อนที่ทำได้ 6.35 ล้านบาท ส่งผลให้ 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิ 168.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1,084.99 จากปีก่อนที่ขาดทุน 17.13 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

โดยผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเป็นผลมาจากบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และโครงการก่อสร้างต่างๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนั้น บริษัทฯ มีการขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยของเหล็กแท่งยาวได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นประมาณร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว จึงช่วยทำให้รายได้จากการขายเหล็กแท่งยาวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 57

นายอนาวิล กล่าวอีกว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในปี 55 เชื่อว่าอุตสาหกรรมเหล็กยังเติบโตได้ดี มีทิศทางขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปี 54 จากการที่ประเทศไทยยังเป็นผู้นำเข้าสุทธิ Billet ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเข้าไปทดแทนส่วนแบ่งทางด้านการตลาดของเหล็กนำเข้า จากความได้เปรียบด้านต้นทุนการขนส่ง การส่งมอบให้กับลูกค้าได้ตรงเวลา ลูกค้าสามารถบริหารจัดการ inventory ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องสั่งสินค้าล็อตใหญ่เหมือนการนำเข้า อีกทั้งมีการทำการตลาดกับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม นอกเหนือจากยอดการสั่งซื้อของลูกค้าเก่าที่คาดว่าจะสูงขึ้นเช่นกัน

นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนด้วย อาทิ การขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็คต่างๆ ของภาครัฐ ขณะเดียวกันภายหลังสถานการณ์อุทกภัย ยังก่อให้เกิดความต้องการใช้เหล็กเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมโครงสร้างต่างๆ เช่น ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ สะพาน เขื่อน และทางยกระดับ เพิ่มขึ้นซึ่งเอื้อต่อการเติบโตของยอดขายเหล็กแท่งยาว (Steel Billet) ของบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ