นายสมยศ แสงสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บมจ.บริหารและการพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม(GENCO)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ประเมินว่าหลังจากน้ำลดงานกำจัดขยะจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/54 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/55 ขณะที่ผลประกอบการรวมในปี 54 คาดว่ารายได้จะใกล้เคียงกับปี 53 ที่ 327 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิจะมากกว่าปี 53 ที่มีกำไร 3 ล้านบาท หลังประเมินว่ากำไรในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาน่าจะมากกว่าแล้ว
“ในไตรมาส 4 เดือนต.ค.ที่ผ่านมาถือว่าโอเค เดือนนี้(พ.ย.)อาจจะลำบากนิดหน่อยเพราะลูกค้าหลายรายถูกน้ำท่วม แต่น่าจะกลับมาชดเชยในเดือนธ.ค. และคงดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1 ปีหน้า...ส่วนภาพรวมทั้งปีก็ถือว่าโอเค คงไม่ขาดทุน รายได้ปีนี้อาจจะพอๆกับปีที่แล้ว แต่กำไรน่าจะดีกว่า เพราะได้ตัวอสังหาฯเข้ามาช่วย ซึ่งในวันที่ 30 พ.ย. เราก็จะมีการประชุมบอร์ดเรื่องงบไตรมาส 3/54 ซึ่งแนวโน้มก็น่าจะออกมาดี กำไร 3 ไตรมาสคาดว่าน่าจะเกินปีที่แล้วทั้งปี"นายสมยศ กล่าว
นายสมยศ กล่าวถึง ราคาหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ก็อาจจะเป็นเพราะนักลงทุนเล็งเห็นว่าบริษัทน่าจะได้รับประโยชน์จากงานกำจัดขยะที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาก หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย
เมื่อเวลา 14.53 น.ราคาหุ้น GENCO ปรับขึ้นไป 4.48% หรือ 0.03 บาทมาที่ 0.70 บาท
ขณะนี้มีโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ประมาณ 10 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ภายใน 7 นิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วม ได้ติดต่อขอให้บริษัทเข้าไปกำจัดขยะและของเสียต่างๆ ทั้งนี้บริษัทมีฐานลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่งที่โดนน้ำท่วมประมาณ 180 ราย โดยเป็นลูกค้าที่มีการใช้บริการกันมาอย่างต่อเนื่องและมีสัญญากันอยู่ 50 ราย
“ตอนนี้เราได้มีการทำหนังสือถึงนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่ง ที่ตอนนี้น้ำเริ่มลดแล้วว่าเราจะเข้าไปช่วยฟื้นฟู ทำความสะอาด นำสิ่งที่ปนเปื้อนรวมถึงสารพิษในนิคมฯออกมา ก็อยู่ระหว่างการตอบรับ ซึ่งลูกค้าของเราที่อยู่ใน 7 นิคมฯนี้มีประมาณ 180 ราย เป็นลูกค้าที่ active 50 ราย ก็น่าจะมีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ เราก็จะเข้าไปช่วยจัดการพวกสารเคมีสารปนเปื้อนต่างๆที่อยู่ในโรงงานเขา ถ้าเขาต้องการให้เราช่วย clean up ด้วยเราก็ยินดี "นายสมยศ กล่าว
สำหรับศูนย์บริการกำจัดกากอุตสาหกรรมแสมดำ ซึ่งตั้งอยู่ที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน ขณะนี้ยังไม่ถูกน้ำท่วม แต่บริษัทก็ได้มีการเตรียมตัวป้องกันไว้หมดแล้ว โดยการสร้างคันดินสูง 1.5 เมตร ล้อมรอบตัวโรงงาน และกำลังมีแผนที่จะสร้างคันซีเมนต์ถาวร ส่วนเรื่องการเดินทางนำกากขยะและของเสียต่างๆที่บำบัดแล้วไปฝั่งกลบที่หลุมฝั่งกลบของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี ขณะนี้การเดินทางต่างๆยังเป็นปกติถนนพระราม 2 ที่ใช้เดินทางยังไม่ถูกน้ำท่วมสูง
ส่วนความร่วมมือกับพันธมิตรสิงคโปร์ในการเข้ารับงานกำจัดคราบน้ำมันและของเสียจากเรือเดินสมุทรที่เข้า-ออกจากท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุดขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า และคงค่อยมาพิจารณากันใหม่ในช่วงไตรมาส 1/55 ว่าจะเดินหน้าต่อหรือจะยกเลิก เนื่องจากบริษัทอยากให้ความสำคัญกับเรื่องงานที่จะเพิ่มขึ้นหลังน้ำลดเป็นหลักก่อน
ด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นายสมยศ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขายทั้งสิ้น 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดนิเนียมที่ถนนสาทร 2 โครงการ รวม 200 ยูนิต, ทาวน์เฮ้าส์ โฮมออฟฟิศ และอาคารพาณิชย์อีกอย่างละ 1 โครงการที่บางบัวทอง, และคอนโดมิเนียมที่บางนาอีก 1 โครงการ ซึ่งในแต่ละโครงการก็ทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และในปีหน้าก็มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดโครงการเพิ่มแต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
“โครงการอสังหาฯของเราที่ถูกน้ำท่วมก็มีที่บางบัวทอง ในส่วนของทาวน์เฮ้าส์ซึ่งตอนนี้เหลือ 18 ห้องจาก 100 ห้อง ส่วนตัวโฮมออฟฟิศท่วมเล็กน้อยไม่กี่เซน มี 25 ห้อง เหลือ 12 ห้อง ส่วนอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 39 ห้อง เหลือ 12 ห้อง ซึ่งทุกโครงการการก่อสร้างเสร็จแล้ว...ปีหน้าก็ยังไม่แน่ว่าจะเปิดเพิ่มไหม แต่ก็อาจจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ก็ได้ เพราะเราก็มีที่ดินเปล่าอยู่แล้วใกล้เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะอาจจะขึ้นคอนโดฯก็ได้ เพราะช่วงนี้ขายดียิ่งเจอน้ำท่วมคนก็อยากอยู่คอนโดฯมากขึ้น" นายสมยศ กล่าว