นางสาวภัทรลดา สง่าแสง ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) คาดว่าในไตรมาส 4/54 บริษัทจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน เทียบจากไตรมาส 3/54 ที่ขาดทุนสต็อกน้ำมัน เนื่องจากราคาเฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ที่ 110 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาเฉลี่ยในไตรมาส 3 อยู่ที่ 107 เหรียญ/บาร์เรล แม้ว่าในไตรมาส 4 ความต้องการใช้น้ำม้นในประเทศจะลดลงจากผลกระทบน้ำท่วม แต่เชื่อว่าจะกลับมาดีในช่วงปลายไตรมาส 4 รวมทั้ง อากาศหนาวเย็นอาจทำให้ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นได้
สำหรับค่าการกลั่นเฉลี่ย (GIM) ในไตรมาส 4 อยู่ที่ 7-8 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนค่าการกลั่นของโรงกลั่น (GRM)อยู่ที่ประมาณ 4 เหรียญ/บาร์เรล ใกล้เคียงไตรมาส 3/54
อย่างไรก็ตาม ในปี 55 คาดว่า รายได้จะเติบโตสูงจากปีก่อน จากความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเติบโต อีกทั้งบริษัทมีกำลังการผลิตพาราไซลีน เพิ่มขึ้น 2.5-3.0 แสนตัน โดยคาดว่าโรงงานจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/55 โดยประเมินมาร์จิ้น(ส่วนต่างราคาขายกับต้นทุน) ในโครงการนี้อยู่ที่ประมาณ 30-40 ล้านเหรียญ/ปี นอกจากนี้ในปีหน้าจะรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า SPP ขนาด 220 เมกะวัตต์ด้วย
สำหรับราคาน้ำมันปี 55 คาดว่าจะอยู่ในระดับเฉลี่ย 110 เหรียญ/บาร์เรล และความต้องการใช้ยังคงสูง
นางสาวภัทรลดา กล่าวว่า การเข้าลงทุนในกิจการอื่นของบริษัท คาดว่าจะไม่ได้ข้อสรุปคงจะต้อรอความชัดเจนในปี 55 ซึ่งขณะนี้แผนการลงทุนในปี 55 เสร็จเรียบร้อยแล้วขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริษัทอนุมัติ