ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) ซึ่งเป็นการปิดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี ในการประมูลเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขสร้างบ้านของสหรัฐที่หดตัวลงในเดือนต.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 134.86 จุด หรือ 1.13% ปิดที่ 11,770.73 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 20.78 จุด หรือ 1.68% ปิดที่ 1,216.13 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 51.62 จุด หรือ 1.96% ปิดที่ 2,587.99 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนปานกลางจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาหที่สิ้นสุดวันที่ 12 พ.ย.ปรับตัวลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 388,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 395,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว
แต่แรงบวกในตลาดถูกสกัดลงด้วยกระแสความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง หลังจากผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลสเปนเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยระบุว่า รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนจากการประมูลขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้เพียง 3.6 พันล้านยูโร (4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายสูงสุดที่กระทรวงการคลังสเปนกำหนดไว้ที่ 4 พันล้านยูโร ขณะที่อัตราผลตอบแทน 6.97% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2540 และสูงกว่าระดับ 5.43% ในการประมูลเมื่อวันที่ 20 ต.ค.
อัตราผลตอบแทนที่ระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลสเปนจะต้องแบกรับภาระหนี้สินในระยะยาว และได้เพิ่มความวิตกกังวลให้กับตลาดการเงินทั่วโลกว่า วิกฤตหนี้ยุโรปอาจลุกลามออกไปไกลกว่ากรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ซึ่งอาจจะทำให้ประเทศยุโรปที่เผชิญกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงในขณะนี้ รวมถึงอิตาลีและสเปน ต้องขอรับความช่วยเหลือด้านการเงินจากภายนอก
ตลาดได้แรงแรงกดดันมากขึ้นเมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนต.ค.ปรับตัวลดลง 0.3% จากเดือนก.ย. สู่ระดับ 628,000 ยูนิตต่อปี ขณะที่ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านพุ่งขึ้นเกือบ 11% ซึ่งความไม่สอดคล้องกันของตัวเลขดังกล่าวบ้านสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงผันผวนและต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัวเต็มที่
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า คณะกรรมาธิการที่รับผิดชอบด้านการลดการขาดดุลของสภาคองเกรสกำลังถกเถียงกันเพื่อเร่งหาทางปรับลดงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐลง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ให้ทันก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 23 พ.ย. โดยสภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดที่จะหยุดพักการทำงานในสัปดาห์หน้าเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
หุ้นเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเน็ทแอพ อิงค์ ดิ่งลง 12.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นเทคโนโลยีที่คำนวณในดัชนี S&P 500 หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยเกินคาด ขณะที่หุ้นแอพพลายด์ มาเทเรียลส์ อิงค์ ร่วงลง 7.5% เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทออกมาน้อยกว่าการคาดการณ์เช่นกัน
หุ้นเซียร์ส โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดวอลล์สตรีท เนื่องจากยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกที่ห้างเคมาร์ทปรับตัวลดลงอย่างมาก
คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค.ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีชี้นำเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้น 0.6% หลังเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.