แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ทางสำนักงาน ก.ล.ต.ไม่ได้มีหน้าที่ในการเป็นผู้ยื่นฟ้องศาลฏีกาในกรณีของคดีบมจ.ทีพีไอโพลีน(TPIPL))ซึ่งหน้าที่นี้เป็นของอัยการ และเห็นว่าทางอัยการคงจะไม่ยื่นฏีกาแล้ว โดยวันนี้จะครบกำหนดยื่นคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้อง
"ทาง ก.ล.ต.ไม่ได้มีหน้าที่จะในการยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลฏีกา หน้าที่นี้เป็นของอัยการ และเห็นว่าจะไม่ยื่นฏีกาแล้ว"แหล่งข่าวจากก.ล.ต. กล่าว
อนึ่ง เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีTPIPL โดยนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ จำเลยที่ 1 นายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ จำเลยที่ 2 บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำเลยที่ 3 และนายเชียร ช่วงกัลยาณมิตร กรรมการบริหาร เป็นจำเลยที่ 4
อัยการระบุความผิดเผยแพร่ข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหุ้น ทำให้บุคคลเข้าใจว่าหุ้นจะมีราคาสูงขึ้นหรือลดลง (ปั่นหุ้น) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ. 2535 มาตรา 77 และ 239 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ฯ ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 4 คนละ 3 ปี และปรับจำเลยที่1 ที่ 3 คนละ 6,900 ล้านบาทนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง โดยเห็นว่าฝ่ายโจทก์มีพยานรู้เห็นเพียงปากเดียวรู้เห็น ส่วนพยานอื่นๆ ล้วนเป็นพยานบอกเล่า ทั้งยังให้การขัดแย้งกันจึงไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อ