ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเป็นวันที่ห้าติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้ยูโรโซนจะไม่มีทางออก เพราะเผชิญอุปสรรคทางการเมืองที่ไม่มีความเป็นเอกภาพ หลังจากที่บรรดาผู้นำยุโรปมีความเห็นแตกแยกเรื่องวิธีการแก้ปัญหา
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 60.2 จุด หรือ 1.1% ปิดที่ 5,362.94 จุด โดยดัชนีปรับตัวลงทุกวันในสัปดาห์นี้ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีและสเปนพุ่งทะยานขึ้น
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าตลาดพันธบัตรอิตาลีและสเปนได้รับแรงกดดันลดลงบ้างในวันศุกร์ แต่นักลงทุนก็ยังคงมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขาย ท่ามกลางความหวั่นวิตกว่าวิกฤตหนี้จะลุกลามไปยังส่วนอื่นๆของโลก หลังจากสองหัวเรือใหญ่อย่างเยอรมนีและฝรั่งเศสมีความเห็นแตกต่างกันเรื่องบทบาทของธนาคารกลางยุโรปในการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ
วานนี้ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ปฏิเสธข้อเรียกร้องของฝรั่งเศสที่ให้อีซีบีทำหน้าที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายสำหรับวิกฤตหนี้ โดยระบุว่าการให้อีซีบีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการปล่อยกู้และการออกพันธบัตรสกุลเงินยูโรเป็นข้อเสนอที่จะไม่ได้ผล
ขณะเดียวกัน นางแมร์เคิล และ นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ได้ประชุมร่วมกันที่กรุงเบอร์ลินเมื่อวานนี้ โดยถึงแม้ว่าผู้นำทั้งสองจะเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของยุโรปเพื่อฝ่าฟันวิกฤตหนี้ครั้งเลวร้ายนี้ไปให้ได้ แต่ทั้งนางแมร์เคิลและนายคาเมรอนก็ไม่ได้สร้างความคืบหน้าใดๆจากการพบปะพูดคุยกันในครั้งนี้ แถมยังไม่สามารถลบความเห็นต่างเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหา โดยนายคาเมรอนเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด ขณะที่นางแมร์เคิลเห็นว่าควรจะใช้แนวทางแก้ปัญหาไปทีละขั้นมากกว่า
ด้านนายกรัฐมนตรีของฟินแลนด์ยอมรับว่า ยุโรปกำลังหมดทางเลือกในการแก้ไขวิกฤตหนี้ และในตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่ากรีซและอิตาลีจะสามารถทำให้ตลาดเชื่อได้หรือไม่ว่าประเทศของตนจะสามารถดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดที่จำเป็นไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง
หุ้นกลุ่มเหมืองและธนาคารเป็นแกนนำหุ้นลบ โดยหุ้นเฟรชนิลโลร่วง 2.7% ลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 2%
ขณะที่หุ้นอวีว่า บริษัทประกันภัยลดลง 1.8% หลังจากที่บริษัทขายหุ้นกู้