นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 54 การลงทุนระยะสั้นในประเทศไทยยังผันผวนตามปัจจัยข่าวต่างประเทศที่มีความเสี่ยงตลอดเวลา เช่น กรณีของกรีซที่แม้ขณะนี้จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ด้วยการเป็นรัฐบาลผสมในอนาคตอาจจะเกิดปัญหาได้ ความไม่มั่นใจต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาไม่ให้วิกฤตหนี้ลุกลามไปยังประเทศขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลในการลงทุนและส่งผลต่อการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย ดังนั้น การซื้อขายในช่วงนี้จึงเป็นการเก็งกำไร จึงไม่แนะนำนักลงทุนระยะสั้นหรือระยะกลางออกจากตลาดจากความกังวล
โดยมองว่าเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นส่งผลต่อเศรษฐกิจมหภาคของไทยพอสมควร แต่ไม่ได้กระทบจนถึงวิกฤตเหมือนประเทศในแถบยุโรป ซึ่งการปรับตัวลดลงของหลักทรัพย์สะท้อนจากปัจจัยข่าว แต่ไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน เพราะฉะนั้นการปรับตัวลงของหลักทรัพย์จึงเป็นเหมือนการดิสเคาท์ ดังนั้น จึงมีกลุ่มนักเก็งกำไรและนักลงทุนระยะกลางเข้ามาซื้อเนื่องจากต้นทุนการถือครองต่ำกว่า ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับมาก
อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมาเมื่อมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศ และการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จนมีการปรับตัวลดลงนั้น เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายจะมีการปรับตัวขึ้น และสร้างจุดสูงสุดใหม่ หรือปรับตัวขึ้นมากกว่ารอบที่ผ่านมา สังเกตุจากการที่ยังมีการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งแม้ว่าจะมีการขายออกไป แต่เป็นเพียงการขายเก็งกำไรในหลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากเท่านั้น และมุมมองของนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ จะมองว่าราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยในขณะนี้มีส่วนต่าง(Up Side) สูงจะเห็นได้จากการที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีเข้าพอร์ตเช่น PTT และธนาคารขนาดใหญ่ จากราคาที่ปรับตัวลดลงจากการเทขาย
“การลงทุนในประเทศยังอิงปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก แม้ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมจะส่งผลโดยภาพรวมของประเทศ แต่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดบ่อย และราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาไม่ได้เกิดจากน้ำท่วมทั้งหมด แต่จะมีผลกับหลักทรัพย์บางหลักทรัพย์ได้หรือเสียประโยชน์เท่านั้น ส่วนการที่เรามองว่าถึงสิ้นปีต่างชาติจะเทขายออกมา เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวนั้น เชื่อว่าจะมีเพียงส่วนน้อย เนื่องจากที่ผ่านมาช่วงกลางปีนักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิออกมาค่อนข้างมาก จากเหตุการวิกฤตทางการเงินในแถบยุโรป แต่ขณะนี้น่าจะมีเงินบางส่วนกระจายออกมาเพื่อลงทุนในระยะยาว"นายธวัชชัย กล่าว
ทั้งนี้ บล.โกลเบล็ก แนะนำการลงทุนระยะสั้นขึ้นขาย-ลงซื้อ จากราคาปัจจุบันมีส่วนต่าง(Up Side) ส่วนการลงทุนระยะกลางหากดัชนีมีการปรับตัวลงค่อนข้างมาก แนะนำให้ซื้อเก็บเข้าพอร์ต ทั้งนี้ มองดัชนีสิ้นปีที่ 1,085 (1,251) จุด อิง P/E อยู่ที่ 13-15 เท่า โดยหุ้นที่จะได้ประโยชน์หลังจากสถานการณ์น้ำท่วม ได้แก่ กลุ่มรับเหมา กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น CK ITD STEC HMPRO แนะนำ “ซื้อ"