นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ กล่าวว่า ใน 9 เดือนแรกของปี 54 การเพิ่มขึ้นของความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรมถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบในทิศทางบวกให้กับบริษัท เนื่องมาจากการการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม(Cogeneration) ของบริษัท
ในไตรมาส 3/54 บริษัทได้ประสบความสำเร็จในการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงขนาด 382 เมกะวัตต์ ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ในปี 54 ซึ่งรวมถึงกำลังการผลิตของไทยเนชั่นแนลพาวเวอร์(TNP)ที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการ
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลลบต่อผลประกอบการของบริษัทคือ ความต้องการไฟฟ้าของ กฟผ. และลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลดลงเนื่องมาจากเหตุการณ์อุทกภัย กำไรจากการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลดลงเป็นผลจากราคาค่าก๊าซที่เพิ่มขึ้น การผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าห้วยเหาะลดลงและการครบกำหนดระยะเวลาการยกเว้นสิทธิประโยชน์ทางภาษี ของบจ. โกลว์ ไอพีพี
ด้านนายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน GLOW กล่าวว่า แผนงานที่สำคัญที่สุดในการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในการเข้าซื้อกิจการของ TNP คือการรีไฟแนนซ์เงินกู้ยืมของ TNP โดยใช้ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความสามารถในการเข้าถึงตลาดทุนของกลุ่มโกลว์ ซึ่งประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้อายุ 10 ปี มูลค่ารวม 5,555 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5% ผลตอบแทนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เรามีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ แต่บริษัทยังได้เงินกู้ที่มีระยะเวลากู้ยืมเฉลี่ยที่ยาวขึ้นอีกด้วย
ผลประกอบการไตรมาส 3/54 GLOW มีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ (NNP) จำนวน 1,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) 2,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสเดียวกันของปี 53 ส่วนกำไรสุทธิ อยู่ที่ 994 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 10,780 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
งวด 9 เดือนแรกของปี 54 มี EBITDA ทรงตัวที่ 7,305 ล้านบาท ในขณะที่ NNP อยู่ที่ 3,216 ล้านบาท เทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 53 ลดลง 9% และมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,832 ล้านบาท รายได้รวม 29,435 ล้านบาท