นายวีระ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสวีโอเอ(SVOA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในเดือน ต.ค.ยอดขายของบริษัทตกลงไปกว่า 20% เพราะบางพื้นที่ไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ และรับผลกระทบจากวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษจากสถานการณ์น้ำท่วมจำนวน 4-5 วัน
อย่างไรก็ตาม ในเดือน พ.ย.54 เชื่อว่ายอดขายดีกว่า พ.ย.53 เพราะเดือนนี้บริษัทจะพยายามทำยอดขายให้เพิ่มขึ้นมาชดเชยในส่วนที่หายไปในเดือน ต.ค.54 ส่วนเดือน ธ.ค.54 กำลังลุ้นอยู่ เพราะเชื่อว่าในภาวะน้ำท่วมน่าจะคลี่คลายลงได้ระดับหนึ่งแล้ว และผู้บริโภคก็จะเริ่มกลับมาซื้อไอที
"ตอนนี้ยอดขายกำลังกลับมาน่าจะ recover ได้บางส่วนใน พ.ย.นี้ และหวังว่า ธ.ค.มีงานคอมพิวเตอร์จะช่วยยอดขายเพิ่มขึ้น ถ้าจะมีผลกระทบในไตรมาส 4/54 ยอดขายอาจลดลงไป 5-10% แต่ความเสียหายไม่มีเพราะเราไม่ได้อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม"นายวีระ กล่าว
สำหรับยอดขายเดือน พ.ย.ที่ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วนั้น ส่วนใหญ่เป็นสินค้าในตลาดประเภทคอนซูมเมอร์มาร์เก็ต อีกส่วนหนึ่งเป็นตลาดคอร์ปอเรท เพราะบางบริษัทถูกน้ำท่วมและเครื่องคอมพิวเตอร์ได้รับความเสียหาย ทำให้ต้องซื้อใหม่ ขณะที่โปรเจ็กต์ใหญ่ปลายปีนี้ไม่มีแล้ว คงต้องรอปีหน้าว่าจะมีงบฯอนุมัติในการจัดซื้อระบบไอทีอย่างไร
นายวีระ กล่าวว่า บริษัทยังไม่ได้ทบทวนรายได้รวมทั้งปี 54 แต่จะพยายามลุ้นที่ประมาณการเดิมกว่า 7,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน โดยขณะนี้ยังพอมีเวลาเหลืออีกเดือนครึ่งที่จะเร่งทำยอดขาย จึงเชื่อว่าไม่น่าจะห่างจากเป้าหมายมากนัก แต่ขณะนี้ยังไม่กล้าประมาณการใหม่เพราะยังไม่รู้สถานการณ์ที่ชัดเจนในระยะต่อจากนี้ไป
อนึ่ง 9 เดือนแรกบริษัทมีรายได้รวมที่ 6,714 ล้านบาท กำไรสุทธิ 98 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 81 ล้านบาท
"ปีนี้ถ้าเราทำยอดขายได้เท่ากับปีก่อนคิดว่ากำไรน่าจะดีกว่าปีก่อนเล็กน้อย แต่เราก็ยังพยายามลุ้นอยู่ว่ารายได้จะเติบโตกว่า 10% ได้"นายวีระ กล่าว
แนวโน้มตลาดไอทีปี 55 นายวีระ ยอมรับว่า ประเมินยากเพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะกลุ่ม Hard Disk Drive (HDD) เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้อุตสาหกรรมไอทีเติบโตลดลง เพราะซัพพลายเชนได้รับผลกระทบจากกรณีที่โรงงานผลิต HDD ระดับโลกถูกน้ำท่วมทำให้ต้องหยุดผลิต
ขณะนี้ทั่วโลกมีความต้องการใช้ HDD ถึง 300-400 ล้านหน่วย แต่ซัพพลายเหลือแค่ 60-70% ยกเว้นจะมีอุปกรณ์ตัวอื่นมาทดแทน ทำให้สินค้าไอทีทั้งหมดที่ต้องใช้ HDD ปรับราคาขึ้นไปแล้วกว่า 30% แนวโน้มปีหน้าก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอีกถ้าในแง่ของซัพพลายเชนราคาไม่นิ่ง
"ซัพพลายที่หายไปกระทบเยอะ ตอนนี้คิดว่าตลาดยังขาด 20% กว่า ในส่วนของ HDD ดีมานด์ ซึ่งต้องรอดูในส่วนของผู้ประกอบการจะสามารถกลับมาฟื้นได้เร็วแค่ไหน"นายวีระ กล่าว
หลังจากเกิดน้ำท่วมหนักจนส่งกระทบต่อซัพพลายเชน ทำให้บริษัทได้ปรับราคาสิ้นค้าขึ้นไปแล้วเฉลี่ย 5% แบ่งเป็นสินค้าที่ต้องพึ่งพา HDD ปรับสูงขึ้น 30% ขณะที่สินค้าประเภทโน้ตบุ๊กปรับขึ้นไปตั้งแต่ 300-1,000 บาท/เครื่อง ส่วนสินค้าที่ไม่มี HDD เป็นส่วนประกอบยังคงราคาเดิมไว้
"ปี 55 เราต้องดูผลกระทบตรงนี้ก่อน แล้วจึงประมาณการรายได้ของบริษัท เพราะมีหลายปัจจัย แต่ปีนี้อุตฯไอทีน่าจะทรงตัวจากปีก่อน" นายวีระ กล่าว