ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า คณะกรรมการร่วมระหว่างสองพรรคการเมืองของสหรัฐ หรือ Super Committee อาจจะไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการลดงบประมาณรายจ่ายก่อนกำหนดเส้นตายวันพุธนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นของฝรั่งเศสอาจจะส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 248.85 จุด หรือ 2.11% ปิดที่ 11,547.31 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 22.67 จุด หรือ 1.86% ปิดที่ 1,192.98 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 49.36 จุด หรือ 1.92% ปิดที่ 2,523.14 จุด
นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของคณะกรรมการ Super Committee ซึ่งทำหน้าที่ร่างกฎหมายเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณลงให้ได้ประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 10 ปี โดยคณะกรรมการจะต้องสรุปความคิดเห็นดังกล่าวก่อนกำหนดเส้นตายในวันพุธนี้ อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์และนักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า คณะกรรมการ Super Committee อาจะไม่สามารถตกลงกันในเรื่องดังกล่าวได้ เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครทยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับรายละเอียดของการปรับลดการใช้จ่ายและการขึ้นภาษี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หากคณะกรรมการไม่สามารถตกลงกันได้ รัฐบาลสหรัฐก็จะต้องปรับลดงบประมาณของโครงการต่างๆลงในวงกว้างโดยอัตโนม้ติ นอกจากนี้ ความขัดแย้งในเรื่องดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะเป็นชนวนเหตุที่ทำให้สหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถืออีก หลังจากที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงจากระดับ AAA ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
กระแสความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวยังสร้างความผันผวนอย่างหนักในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยดัชนี CBOE Market Volatility Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความผันผวน พุ่งขึ้นเหนือระดับ 35 จุดในระหว่างวัน ก่อนที่จะปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 33 จุดในเวลาต่อมา
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิสเตือนว่า อันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสอาจจะได้รับผลกระทบในด้านลบ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแอ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้นว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะลุกลามเป็นวงกว้าง
สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ที่แข็งแกร่งเกินคาดในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ไม่สามารถหนุนตลาดให้ดีดขึ้นสู่แดนบวกได้ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.4% สู่ระดับ 4.97 ล้านยูนิตต่อปี สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.8 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนก.ย.ที่ได้ปรับทบทวนแล้วที่ระดับ 4.90 ล้านยูนิต
นอกจากนี้ ตลาดยังไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวที่ว่า บริษัท Gilead Sciences Inc เตรียมเข้าซื้อกิจการบริษัท Pharmasset Inc ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ เป็นเงินสดมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้ราคาหุ้น Pharmasset Inc พุ่งขึ้นเกือบ 85%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ วันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/2554 วันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนต.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจเนื่องจากตลาดปิดทำการในวันพฤหัสบดีเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ส่วนวันศุกร์ตลาดจะปิดทำการเร็วกว่าปกติ