ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับลดการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้แรงหนุนจากข่าวสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) และมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ยืนยันว่าจะยังไม่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ แม้สหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณได้ก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 53.59 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 11,493.72 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 4.94 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 1,188.04 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.86 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 2,521.28 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการจีดีพีไตรมาส 3 ครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า จีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวในอัตรา 2% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าการประมาณการครั้งแรกที่ 2.5% โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ภาคเอกชนปรับลดสต็อกสินค้าคงคลัง
ทั้งนี้ ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการคำนวณจีดีพี และยังเป็นข้อมูลที่มีผลกระทบต่อการประเมินวงจรทางธุรกิจและการขยายตัวของเศรษฐกิจด้วย ซึ่งหากสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า ภาคธุรกิจอาจจะปรับลดสต็อกสินค้าคงคลังในอนาคตอันใกล้นี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงชะลอตัว
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 เดือนของรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.1% ในการประมูลครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการประมูลในเดือนต.ค.ที่ระดับ 2.3% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 6 เดือนพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.2% จากการประมูลครั้งก่อนที่ระดับ 3.3% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่ารัฐบาลสเปนชุดใหม่ภายใต้การนำของนายมาเรียโน ราฮอย จะสามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณได้
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่คณะกรรมการร่วมระหว่างสองพรรคการเมืองของสหรัฐ หรือ Super Committee ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณลงมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้าได้ ซึ่งหมายความว่าสหรัฐจะต้องปรับลดงบประมาณของโครงการต่างๆลงในวงกว้างโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์และดัชนีอื่นๆในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดขานรับข่าวที่ว่า เอสแอนด์พี และมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ยืนยันว่าจะไม่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ แม้พรรครีพับลิกันและเดโมแครทไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องดังกล่าวก็ตาม นอกจากนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยืนกรานว่าเขาจะใช้สิทธิประธานาธิบดีในการคัดค้านความพยายามใดๆก็ตามที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องปรับลดงบประมาณของโครงการต่างๆลงโดยอัตโนมัติ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนมากขึ้นเมื่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตัดสินใจอนุมัติการใช้เครื่องมือด้านการปล่อยกู้ครั้งใหม่ เพื่อช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยุโรปและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
หุ้นเน็ทฟลิกซ์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการวีดิโอออนไลน์ ดิ่งลง 5.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยแผนการระดมทุนเพิ่มมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ เพื่อชดเชยการขาดทุน
หุ้นแคมป์เบลล์ ซุป ซึ่งเป็นผู้ผลิตซุปและอาหารรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 5.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิลดลง 5% ส่วนหุ้นเมดทรอนิก ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ดีดตัวขึ้น 4.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งเกินคาด นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนต.ค.และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจเนื่องจากตลาดปิดทำการในวันพฤหัสบดีเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ส่วนวันศุกร์ตลาดจะปิดทำการเร็วกว่าปกติ