นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารของ บลจ. กสิกรไทย ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) ซึ่งมุ่งลงทุนในสิทธิการเช่าโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีอัตราการเข้าพักในปีนี้ลดลงประมาณ 3-4 % เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจยุโรปที่ยังคงส่งผลกระทบสืบเนื่องมาจนถึงปีนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของโรงแรมเดินทางมาเที่ยวสมุยน้อยลงกว่าเดิม ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวที่เคยเข้าพักจากการจัดงานประชุมสัมมนาต่างๆ ก็ลดจำนวนลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเชื่อว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในเดือนธันวาคม ซึ่งพ้นจากช่วงมรสุมและเริ่มกลับเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวของสมุย
สำหรับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ไลฟ์สไตล์ (MJLF) ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมจนต้องปิดบริการชั่วคราวไปก่อนหน้านี้ โดยเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รังสิต ได้รับผลกระทบเมื่อกลางเดือนตุลาคม ขณะที่เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และ ซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน ปิดบริการชั่วคราวไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ขณะนี้เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และ ซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน ได้กลับมาเปิดบริการตามปกติแล้วตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 แห่งไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับโครงสร้างอาคาร แต่ได้รับผลกระทบในแง่รายได้จากค่าเช่าในเดือนพฤศจิกายนซึ่งคาดว่าอาจลดลงไปราวครึ่งเดือน ส่วนรายได้ในเดือนธันวาคมไม่มีผลกระทบ
สำหรับเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รังสิต ซึ่งเป็นอีกโครงการที่กองทุน MJLF มีการลงทุนและมีสัดส่วนรายได้อยู่เพียง 1 ใน 4 ของกองทุน ยังคงอยู่ในช่วงปิดบริการเนื่องจากระดับน้ำบริเวณรอบโครงการยังเป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง อย่างไรก็ดี โครงการมีการเฝ้าระวังและมีแนวป้องกันน้ำที่แน่นหนาทำให้น้ำไม่ท่วมถึงบริเวณตัวอาคารแต่อย่างใด
โดยภาพรวมคาดว่า วิกฤติน้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของกองทุน MJLF ในไตรมาส 4 เล็กน้อย เนื่องจากรายได้จากการเช่าพื้นที่บางส่วนอาจลดลงและในระยะแรกที่เปิดบริการอาจยังมีผู้ใช้บริการไม่มาก ทั้งนี้ จากการที่ทั้ง 3 โครงการล้วนมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% จึงเชื่อว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติได้ในไม่ช้า
ด้านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) ซึ่ง บลจ. กสิกรไทย มีแผนจะลงทุนในคลังสินค้าเพิ่มเติม โดย 1 ใน 4 แห่ง ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินนั้น นายพัชรกล่าวว่า กองทุนไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่ได้เข้าไปลงทุนในคลังสินค้าดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตัวคลังสินค้าได้รับความเสียหายน้อยมาก และขณะนี้ผู้เช่าสามารถกลับเข้าประกอบกิจการในคลังสินค้าได้บางส่วนแล้ว และมีแผนที่จะกลับมาประกอบกิจการได้ 100% ตามเดิมภายในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ซึ่งกองทุนจะพิจารณาลงทุนเพิ่มเติมตามแผนต่อไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 55
นอกจากนี้ บลจ. กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุน CTARAF และ กองทุน MJLF สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม — กันยายน 2554 ให้แก่ผู้ลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2554 ในอัตรา 0.16 บาทต่อหน่วย และ 0.23 บาทต่อหน่วยตามลำดับ โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวในวันที่ 9 ธันวาคม นี้
"ผลการดำเนินงานของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 2 กองทุนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยตั้งแต่ต้นปีกองทุน CTARAF จ่ายปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 0.9422 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผล หรือ dividend yield ที่ 11.63% ต่อปี สำหรับกองทุน MJLF จ่ายปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 1.006 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 8.90% ต่อปี ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนจากเงินปันผลของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ ตุลาคม 2554 ที่ 3.90% ต่อปี จะเห็นได้ว่า กองทุน CTARAF และ MJLF ให้ผลการดำเนินงานที่ดีกว่ามากพอสมควร" นายพัชรกล่าว