นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งไฟลิ่งแล้วเมื่อ 23 พ.ย.นี้ และ คาดจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไม่เกินกลางธ.ค.นี้ ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ที่ 1 บาทต่อหุ้น
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รองรับการเติบโตของธุรกิจเหล็ก ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็คต่างๆ ของภาครัฐ และการขยายฐานลูกค้าเข้าไปทดแทนตลาดของเหล็กนำเข้า จากที่ประเทศไทยยังเป็นผู้นำเข้าสุทธิ Billet ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้เปรียบด้านต้นทุนการขนส่ง การส่งมอบให้กับลูกค้าได้ตรงเวลา ลูกค้าสามารถบริหารจัดการ inventory ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องสั่งสินค้าล็อตใหญ่เหมือนการนำเข้า อีกทั้งมีการทำการตลาดกับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม นอกเหนือจากยอดการสั่งซื้อของลูกค้าเก่าที่คาดว่าจะสูงขึ้นเช่นกัน
"การระดมทุนครั้งนี้ก็เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ เพราะจะทำให้การขยายธุรกิจคล่องตัวยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันจะทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง สะท้อนให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย" นายอนาวิลกล่าว
ภายหลังการขายหุ้นเพิ่มทุนจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของครอบครัว จิรธรรมศิริ ลดลงจาก 84.5% เหลือ 63.4% เพื่อเปิดทางให้นักลงทุนทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ ได้โดยตรง
สำหรับผลประกอบการในปี 54 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 30% จากปีก่อนที่ทำได้ จำนวน 3,893 ล้านบาท มาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 5,000 ล้านบาท และเพียง 9 เดือนแรกของปีบริษัทฯ ทำได้แล้วถึง 4,254.18 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 85.08 ของเป้าหมายดังกล่าว จึงมั่นใจว่าจนถึงสิ้นปีจะผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ แม้ว่าในปีนี้ประเทศไทยจะมีอุทกภัยครั้งใหญ่ เนื่องจากอุทกภัยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบกับคำสั่งซื้อ และการส่งมอบสินค้า โดยบริษัทฯ สามารถส่งมอบได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น ยังมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมด้วย โดยขณะนี้มีคำสั่งซื้อรอการส่งมอบต่อเนื่องถึงเดือนธ.ค.แล้ว ส่วนปี 55 เชื่อว่าธุรกิจเหล็กจะยังขยายตัวต่อเนื่องจากปี 54 จากการขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็คต่างๆ ของภาครัฐ ขณะเดียวกันภายหลังสถานการณ์อุทกภัย ยังก่อให้เกิดความต้องการใช้เหล็กเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมโครงสร้างต่างๆ เช่น ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ สะพาน เขื่อน และทางยกระดับ เพิ่มขึ้นซึ่งเอื้อต่อการเติบโตของยอดขายเหล็กแท่งยาว (Steel Billet) ของบริษัทฯ ให้เพิ่มสูงขึ้นในทิศทางเดียวกัน
บมจ. เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว(Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล