สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 26,656 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 22,911 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 86% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 2,664 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 3 ปี และ 8 ปี (LB149A LB14NA และ LB196A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,649 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 648 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RG143A , RG13DA) และหุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 393 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 5,195 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 625 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 48 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ค่อนข้างคงที่ตลอดทุกช่วงอายุของตราสารหนี้ ยกเว้นในตราสารระยะสั้นอายุน้อยกว่า 1 ปี ที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงประมาณ 1 Basis Point ในช่วงนี้ตลาดตรสารหนี้ยังคงค่อนข้างเงียบและมีมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่ากนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.31% ปรับตัวลดลง 0.01% จากวันก่อนหน้า และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.25%