ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ร่วง 236.17 จุดหลังเยอรมนีขายบอนด์ต่ำกว่าเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 24, 2011 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจลุกลามเข้าสู่เยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยูโรโซน หลังจากรัฐบาลเยอรมนีไม่สามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายในการเปิดประมูลขายพันธบัตรอายุ 10 ปีเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของจีน และจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวสูงขึ้นในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 236.17 จุด หรือ 2.05% ปิดที่ 11,257.55 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 26.25 จุด หรือ 2.21% ปิดที่ 1,161.79 จุด ดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 61.20 จุด หรือ 2.43% ปิดที่ 2,460.08 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นอย่างหนักเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากเยอรมนีไม่สามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายในการเปิดประมูลขายพันธบัตรอายุ 10 ปีวันนี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่า เศรษฐกิจเยอรมนีไม่สามารถต้านทานวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่กำลังลุกลามไปทั่วภูมิภาคได้

ข้อมูลจากธนาคารกลางเยอรมนีเผยว่า ยอดประมูลพันธบัตรซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2564 อยู่ที่ 3.889 พันล้านยูโร (5.21 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 6 พันล้านยูโร (8.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) อยู่ถึง 35% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่มากผิดปกติในตลาด ขณะที่อัตราผลตอบแทนในการประมูลขายพันธบัตรครั้งนี้อยู่ที่ 1.98%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทั่วโลก โดย HSBC เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเบื้องต้น ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 48 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง และยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลก

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 พ.ย.เพิ่มขึ้น 2,000 ราย สูระดับ 393,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 4 เดือน หลังจากที่ขยายตัวถึง 0.7% ในเดือนก.ย.

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมีรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 47.9 จุดในเดือน พ.ย.ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 48.5 จุด และต่ำกว่าระดับ 50 จุดซึ่งเป็นเส้นชี้วัดการขยายตัวและการหดตัว

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่าจะทำการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของสถาบันการเงินรายใหญ่สุด 31 แห่งในสหรัฐ รอบใหม่ในปีหน้า เพื่อกำหนดว่าธนาคารเหล่านี้มีฐานเงินทุนแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยรุนแรงได้หรือไม่

เฟดระบุว่า สถาบันการเงินที่มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์จะต้องเข้ารับการทดสอบ เพราะถือเป็นสถาบันการเงินที่มีความสำคัญในเชิงระบบตามที่กฎหมายปฏิรูปการเงินด็อด-แฟรงค์กำหนดไว้

ทั้งนี้ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 4.3% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นธนาคารที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ปดิ่งลง 3.9% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 3.6% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 1.7%

ส่วนหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน บริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.1% และหุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 4.1% เช่นกัน หลังจากดัชนีภาคการผลิตของจีนหดตัวลงอย่างหนัก

*ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และตลาดจะปิดทำการเร็วกว่าปกติในการซื้อขายของวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ