ทริสเรทติ้งมองอุปสงค์ที่อยู่อาศัยชะลอตัว ประกอบกับความไม่แน่นอนของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงหลังวิกฤติอุทกภัยเพิ่มความเสี่ยงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีภาระหนี้สูงและมีสัดส่วนโครงการแนวราบจำนวนมาก ส่งผลให้แนวโน้มอันดับเครดิตของผู้ประกอบการ 4 ราย ได้แก่ บมจ.ปริญสิริ (PRIN) บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) และ บมจ. ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) ถูกปรับเป็น “Negative" หรือ “ลบ" จากเดิม “Stable" หรือ “คงที่"
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยคาดว่าจะลดลงอย่างมากในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 และจะยังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่องจนถึงครึ่งแรกของปี 2555 โดยทริสเรทติ้งเชื่อว่าความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมสูงอาจชะลอตัวต่อเนื่องจนถึงครึ่งหลังของปี 2555 ในขณะที่ผลประกอบการของตลาดคอนโดมิเนียมน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ค่อนข้างเร็วในปี 2555
ทริสเรทติ้งคาดว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยและจำนวนหน่วยเหลือขายของโครงการแนวราบในพื้นที่น้ำท่วมจะอยู่ในภาวะที่ความต้องการซื้อหดตัวลงและจำนวนหน่วยเหลือขายเพิ่มสูงขึ้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทริสเรทติ้งคาดว่าผู้ซื้อบ้านจำนวนหนึ่งจะชะลอการซื้อหรือโอนที่อยู่อาศัยออกไป และจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายยังคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากจำนวนบ้านที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดบ้านมือสอง
ทริสเรทติ้ง ประเมินผลกระทบภายหลังวิกฤติอุทกภัยที่มีต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 13 รายที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยพิจารณาจากสัดส่วนประเภทของสินค้า ทำเลที่ตั้งโครงการ เละความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบมากจะเป็นผู้ประกอบการที่มีภาระหนี้สูง และมีสัดส่วนโครงการแนวราบจำนวนมาก ผู้ประกอบการหลายรายต้องเผชิญกับความท้าทายจากหน่วยที่อยู่อาศัยเหลือขายที่เกินกว่าความต้องการซื้อ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่แน่นอน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำท่วม โดยผู้ประกอบการจะต้องปรับทิศทางธุรกิจประกอบกับฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับคืนมา
ในการนี้ ทริสเรทติ้งได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 4 ราย ได้แก่ บริษัทปริญสิริ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท และบริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์เป็น “Negative" หรือ “ลบ" จาก “Stable" หรือ “คงที่" ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตจะถูกปรับกลับมาเป็น “Stable" หรือ “คงที่" ได้หากผู้ประกอบการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและมีรายได้ที่เติบโตโดยที่ยังคงรักษาภาระหนี้ไม่ให้ปรับเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผู้ประกอบการต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดในการสร้างสถานะทางการเงินให้กลับไปแข็งแกร่งดังเดิม ทริสเรทติ้งมองความเสี่ยงสำหรับผู้ประกอบการ 9 รายที่เหลือว่าจะปรับเพิ่มสูงขึ้นเพียงในระยะสั้น โดยที่ความเสี่ยงดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตที่ผู้ประกอบการแต่ละรายได้รับอยู่ในปัจจุบัน