นายจุมพล เตชะไกรศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม (TKT) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ถึงแนวโน้มผลประกอบการงวดปี 54 ว่าน่าจะขาดทุน จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท ขณะที่รายได้คงเติบโตไม่ถึง 15% ตามเป้าที่ตั้งไว้เมื่อตอนต้นปี เนื่องจากในปีนี้มีปัจจัยลบทั้งจากเหตุการณ์สินามิและแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อตอนต้นปี และเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งทำให้ลูกค้าของบริษัทหลายรายต้องหยุดเดินเครื่องการผลิตชั่วคราวทำให้ออเดอร์หายไปเป็นจำนวนมาก
"ปีนี้ก็น่าจะขาดทุน แต่เราก็จะพยายามให้ขาดทุนน้อยที่สุด และให้กลับมามีกำไรในปีหน้าให้ได้ ปีนี้เราก็ได้บทเรียนอะไรหลายอย่างที่จะต้องไปปรับปรุงในปีหน้า แม้โรงงานทั้ง 3 แห่ง ไม่ถูกน้ำท่วม แต่ที่กระทบหลักเลยคือออเดอร์ที่หายไป ต้องยอมรับว่ากระทบเยอะแรงกว่าสึนามิ เนื่องจากกระทบต่อเราและอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยโดยตรง แต่สึนามิจะกระทบต่ออุตสหากรรมยานยนต์โลกเยอะกว่า...ยอดขายที่หายไปเยอะขนาดนี้ก็คงส่งผลกระทบทั้งยอดขายและกำไรในปีนี้ แต่มันก็ยังดีตรงที่ไม่ใช่เศรษฐกิจซบเซา ที่มันยิ่งยาวเป็นปีไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ เพราะกำลังซื้อมันหด แต่นี่เป็นภัยธรรมชาติ เพราะฉะนั้นช่วงนี้เราก็ต้องเตรียมความพร้อม รับวอลุ่มที่จะกลับขึ้นมาช่วงต้นปี"นายจุมพล กล่าว
ทั้งนี้ ประเมินว่าจากผลกระทบของเหตุการณ์น้ำท่วม น่าจะทำให้ยอดขายในช่วงไตรมาส 4/54 ลดลงประมาณ 50-60% จากเป้าที่ตั้งไว้ 380 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันลูกค้าของบริษัทหลายรายได้เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตและมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาบ้างแล้ว อย่างโตโยต้าซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท โรงงานประกอบรถยนต์ทั้ง 3 แห่งก็กลับมาเดินเครื่องบางส่วนแล้ว ซึ่งบริษัทประเมินว่าบริษัทประกอบรถยนต์ค่ายต่างๆจะกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติภายในช่วงไตรมาส 1/55 ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายของบริษัทกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นกัน
นายจุมพล กล่าวว่า แม้รายได้ในปี 54 จะเติบโตไม่ถึงเป้าที่วางไว้เติบโต 15% แต่ยังมั่นใจว่าจะมากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 1.23 พันล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทได้รับออเดอร์ใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามแผนการที่วางไว้ และในปี 55 บริษัทคาดว่ายอดขายจะสูงกว่าปี 54 เช่นกัน หลังมีออเดอร์สินค้าทั้งจากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทได้รับออเดอร์จากลูกค้ารายใหม่แล้วประมาณ 3 ราย
"ตอนนี้อยู่ระหว่างทำแผนของปีหน้า แต่เราก็ประเมินว่ายอดขายน่าจะสูงกว่าปีนี้ เพราะก็ไม่น่าจะเกิดสึนามิและน้ำท่วมใหญ่ในปีเดียวกันอีก อีกอย่างเราก็มีออเดอร์ใหม่ๆที่จะเริ่มผลิตในปีหน้าอีกเยอะทั้งจากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ คือมีทั้งโมเดลใหม่ของลูกค้าเดิม และโมเดลใหม่ของลูกค้าใหม่ ซึ่งที่แน่นอนแล้วก็เป็นลูกค้าในกลุ่มยานยนต์ และที่กำลังคุยกันอยู่ก็มีทั้งกลุ่มยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า"นายจุมพล กล่าว