โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.แสนสิริ (SIRI) จากเท่าที่ประเมินโครงการของแสนสิริ ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมไม่มาก หรือไม่แย่ไม่กว่าคู่แข่งอย่าง แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) หรือ เอเชียนพร๊อพเพอร์ตี้ (AP) แม้ภาวะน้ำท่วมจะกระทบกับยอดขาย แต่คาดว่ายอดรับรู้รายได้จะทำได้ประมาณ 5.8 พันล้านบาท เป็นการโอนของโครงการคอนโดมิเนียม และมีแนวโน้มจะทำกำไรสุทธิได้สูงสุดในรอบปี และทั้งปี 54 รายได้ทรงตัวจากปีก่อนที่ 1.8 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยอด backlog ถึงวันที่ 21 พ.ย.54 มีสูงถึง 3.2 หมื่นล้านบาท คาดว่ารายได้ปี 55 ปรับขึ้นมาที่ 2.1 หมื่นล้านบาท และคาดกำไรสุทธิ 2,324 ล้านบาท (+54.8% yoy) จากปี 54 คาดมีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท) บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 1.65 บล.เอเซียพลัส ซื้อ 1.54 บล.ฟิลลิป ซื้อ 1.50 บล.กิมเอ็ง ซื้อเก็งกำไร 1.38 บล.ดีบีเอสวิคเกอร์ ซื้อ 1.36 บล.ฟินันเซียไซรัส ซื้อ 1.30
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส คาดว่า กำไรในไตรมาส 4/54 จะเป็นไตรมาสที่ทำกำไรได้สูงสุดในรอบปี หรือคาดว่าสูงกว่า 600 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการ ควอทโทร ซึ่งเป็นโครงการที่มีมาร์จิ้นสูง ขณะที่ผู้บริหารคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/54 จำนวน 5.8 พันล้านบาท
ส่วนผลกระทบน้ำท่วมของแสนสิริ เห็นว่ามีผลกระทบน้อยมาก โดยประเมินมีผลกระทบประมาณ 400 กว่าล้านบาท หรือ ไม่ถึง 2% ของมูลค่ายอดขายที่รอโอนที่มีประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
"เรายังคงให้คำแนะนำ ซื้อ ตัวนี้ที่ราคา 1.54 บาท" นายเทิดศักดิ์ กล่าว
บล.กิมเอ็ง ปรับประมาณรายได้และกำไรสุทธิของปี 54 ลง 7% yoy และ 17% yoy ตามลำดับเพื่อสะท้อนปัจจัยลบจากผลกระทบน้ำท่วมที่ทำให้ SIRI ปรับลดเป้า Presale ของปี 54 ลง 20% เป็น 21,000 ล้านบาท(-16% yoy) และตั้งเป้าการเติบโต Presale ปี 55 ที่ 24%
อย่างไรก็ตาม backlog ที่รอรับรู้รายได้ในปี 55 ทำให้คาดว่ารายได้จะเติบโต 17% yoy ซึ่งมี backlog รองรับแล้ว 64% ขณะที่การปรับลดภาษีนิติบุคคลทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 11% เท่ากับ 2,324 ล้านบาท (+54.8% yoy)
"ด้วยมุมมองที่ดีขึ้นต่อ SIRI จากการเติบโตที่โดดเด่นในปี 55 เราจึงปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น "ซื้อเก็งกำไร" จากเดิมที่ "ขาย" จากการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมด้วยวิธี Forward PER ที่ 5 เท่าได้ราคาเป้าหมายของปี 55 ที่เท่ากับ 1.38 บาท/หุ้น เพิ่มจากเดิมที่ 1.25 บาท/หุ้น"
อย่างไรก็ตาม SIRI ยังคงมีจุดด้อยที่ฐานะการเงินอ่อนแอรวมทั้งการเริ่มใช้สิทธิของ SIRI-W1 ในเดือน มี.ค. 2555 ซึ่งจะเพิ่ม Dilution ของกำไรต่อหุ้น
ณ 21 พ.ย. 54 SIRI มียอด backlog ในมือเท่ากับ 32,060 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/54 เท่ากับ 5,837 ล้านบาท (แนวราบ 2,415 ล้านบาทและคอนโดมิเนียม 3,422 ล้านบาท) ซึ่ง SIRI ได้ปรับเลื่อนยอดจากโครงการแนวราบที่มีผลกระทบจากอุทกภัยไปเป็นการรับรู้ในปี 55 และทำให้ในปีหน้า SIRI มี Backlog รอรับรู้รายได้ 14,157 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ถึงปี 57
ส่วนบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า ผลประทบน้ำท่วมไม่แย่ไปกว่าคู่แข่ง มูลค่าโครงการคงเหลือที่ถูกน้ำท่วมมีมูลค่า 5.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของมูลค่าคงเหลือทั้งหมด 1.8 หมื่นล้านบาท (โดย 8% เป็นโครงการที่น้ำเข้าโครงการ และ 22% เป็นโครง การที่ท่วมนอกโครงการ) หากเทียบกับ AP และ LH ที่ 30% และ 40% ผลกระทบของ SIRI ไม่แย่กว่าคู่แข่ง
อย่างไรก็ดี ยอดจองแนวราบ ในไตรมาส 4/54 สะสมถึง 21 พ.ย. 54 ชะลอลงเหลือ 700 ล้านบาทจาก 4.2 พันล้านบาทในไตรมาส 3/54 แต่ยอดจองแนวราบงวด 9 เดือน ปี54 เติบ โตดีมากถึง 66% แม้ว่ายอดจองจะหดลงมากในไตรมาส 4/54 เหลือ 1.2 พันล้านบาท ยอดจองแนวราบปีนี้ยังเติบโตดี 25% ส่วนยอดจองคอนโดฯวัดจากอัตราการจองโครงการเปิดใหม่ในไตรมาส 3/54 บ้านแสนคราม หัวหิน มูลค่า 1.4 พันล้านบาท ขายหมดแล้ว และโครงการ The Base แจ้งวัฒนะ มูลค่า 2.3 พันล้านบาท มียอดจอง 40% โดยโครงการนี้เปิดในช่วงน้ำท่วม (พ.ย. 54) นอกจากนี้ ยังเปิดอีก 2 โครงการคอนโดฯตลาดล่าง D Condo จรัสสนิทวงศ์ 526 ล้าน บาท ขายหมด และ D Condo กระทู้ ภูเก็ต 627 ล้านบาท ขายหมด ภาพรวมการขายคอน โดฯยังไปได้ดี
ทางฝ่ายคาดหมายรายได้การโอนในไตรมาส 4/54 อีก 5.8 พันล้านบาท รวมเป็นยอดโอนปี 54 ที่ 1.79 หมื่นล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน โดยคาดหมาย Margin อ่อนลงเล็กน้อย กำไรออกมาที่ 1.5 พันล้าน บาท ส่วนปีหน้าคาดหมายรายได้เติบโต 18% สู่ระดับ 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมี Backlog รองรับ 62% คาดหมาย Margin อ่อนลงเล็กน้อย